นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม แกนนำกลุ่มไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊ก warong dechgitvigrom ระบุว่า บทสรุปคำร้องศาลรัฐธรรมนูญ กรณีล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ที่กลุ่มไทยภักดีไปร้อง
บทสรุปคำร้องที่ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ
บัดนี้พ้นกำหนด 15 วันหลังจากที่กลุ่มไทยภักดีร้องผ่านอัยการสูงสุดแล้ว แต่อัยการสูงสุดไม่ดำเนินการใดๆ กลุ่มไทยภักดีจึงใช้สิทธิ์ ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญโดยตรงตามมาตรา 49 ของรัฐธรรมนูญ ว่ามีการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข โดยมีเหตุผล
1.การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้ในมาตรา 256 กับการแก้ไขใหม่ให้ง่ายขึ้น ไม่มีการกำหนดสัดส่วนสว.และส.ส.ฝ่ายค้านตอนลงมติ รวมทั้งการต้องทำประชามติในหมวดสำคัญ เป็นการทำลายหลักมีส่วนร่วมของรัฐสภา และ หลักมีส่วนร่วมของประชาชน
2.การมีส.ส.ร.เพื่อร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ มีผลให้กฏหมายประกอบรัฐธรรมนูญทั้ง 10 ฉบับ ต้องถูกยกเลิก มีผลให้ส.ส.และส.ว.ต้องถูกยกเลิก องค์กรอิสระต้องถูกยกเลิก ศาลรัฐธรรมนูญต้องถูกยกเลิก วิธีพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ วิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองถูกยกเลิก กระทบต่อโครงสร้างระบบการเมืองการปกครอง คดีต่างๆที่เกี่ยวกับการทุจริตประพฤติมิชอบทั้งที่พิจารณาไปแล้ว และอยู่ระหว่างพิจารณา หลุดพ้นความผิดเพราะข้ออ้างกฏหมายที่ใช้บังคับถูกยกเลิก
3.บทบัญญัติว่าด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถูกกำหนดเป็นลายลักษณ์อักษรให้แก้ไขได้รายมาตรา การจัดตั้งส.ส.ร.เพื่อยกร่างฉบับใหม่ ไม่มีการกำหนดไว้ ดังนั้นการกระทำดังกล่าวจึงมีเจตนาที่ขัดบทบัญญัติของกฏหมาย
4.โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญ 2560 ผ่านประชามติจากประชาชน และศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยเป็นบรรทัดฐานว่า การจะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะต้องให้ประชาชนผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญ ได้ลงประชามติเสียก่อนว่า สมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่
จึงขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวิจฉัยและมีคำสั่ง
1.ประธานรัฐสภาระงับการบรรจุระเบียบวาระ การแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระสองและสาม
2.ขอให้ผู้ถูกร้อง คือส.ส.ที่ลงชื่อร่างฝ่ายค้านและร่างฝ่ายรัฐบาล ถอนระเบียบวาระออกจากที่ประชุมรัฐสภา
3.ขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนมติในขั้นรับหลักการ เมื่อวันที่ 18 พ.ย.2563 ที่มีมติรับหลักการทั้งสองฉบับ