นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมกันผลักดันให้มีการกักตัวชาวต่างชาติที่สนามกอล์ฟ ซึ่งมีห้องพักรองรับเป็นไปตามมาตรฐานของโรงแรมกักตัวทางเลือกทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด (ASQ/ALSQ) เนื่องจากมีปริมาณความต้องการของนักกอล์ฟชาวต่างชาติ ทั้งเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น จีน และไต้หวัน ที่แสดงความต้องการเดินทางมาไทย โดยกลุ่มนักกอล์ฟเยาวชนจากเกาหลีใต้ ต้องการเดินทางหนีหนาวมาเก็บตัวช่วงปลายปีที่สนามกอล์ฟในประเทศไทย เรื่องนี้เป็นผลมาจากสัปดาห์ก่อนที่ตนได้พบกับทูตเกาหลี ซึ่งเสนอว่าทำไมไม่เอาสนามกอล์ฟเป็นสถานที่กักตัวทางเลือก เพราะปกติทุกปีจะมีนักกอล์ฟเยาวชนจากเกาหลีใต้กว่า 1,000 คน เดินทางมาอยู่ไทย 3 เดือน เพื่อเก็บตัวช่วงปลายปี โดยทั้ง 2 กระทรวง จะร่วมกันเสนอเรื่องนี้ต่อที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) พิจารณาในวันที่ 11 พฤศจิกายนนี้
สำหรับรูปแบบการกักตัวที่สนามกอล์ฟจะแตกต่างจากโรงแรม ASQ และ ALSQ ทั่วไป เพราะนักกอล์ฟสามารถออกจากห้องพักมาเล่นกอล์ฟได้ในพื้นที่กว้าง ซึ่งสามารถรักษาระยะห่าง ที่สำคัญต้องไม่ปะปนกับสมาชิกหรือผู้เล่นรายอื่นๆ ของสนามกอล์ฟ เบื้องต้นมีสนามกอล์ฟ 5 แห่งทั่วประเทศ ตอบรับสนใจเข้าร่วมเป็นสถานที่กักตัวทางเลือก (ALSQ) แล้ว ได้แก่ สนามกอล์ฟแรนโช ชาญวีร์ รีสอร์ท แอนด์ คันทรีคลับ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ส่วนสนามกอล์ฟอีก 4 แห่ง ตั้งอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ ลำพูน สระบุรี และกาญจนบุรี ขณะนี้ทางกระทรวงสาธารณสุขเริ่มดำเนินการตรวจประเมินทั้ง 5 สนามแรกแล้ว
ทั้งนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตั้งเป้าเพิ่มสนามกอล์ฟเข้าร่วมเป็น ALSQ จำนวน 20-30 แห่งกระจายทั่วประเทศ จากจำนวนสนามกอล์ฟในไทยที่มีอยู่รวม 238 แห่ง มีจำนวนห้องพักให้บริการราว 5,000 ห้อง