กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง รายงานจากอิทธิพลพายุระดับ 2 (ดีเปรสชัน) ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ถึงปัจจุบัน 4 พฤศจิกายน 2563 มีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก ดินสไลด์ และวาตภัย รวม 35 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ อุบลราชธานี นครราชสีมา ชัยภูมิ ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา จันทบุรี ชลบุรี ระยอง อุทัยธานี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สุพรรณบุรี กาญจนบุรี นครสวรรค์ ชัยนาท สิงห์บุรี ราชบุรี นครปฐม ปทุมธานี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี พังงา กระบี่ ภูเก็ต ตรัง สตูล และสงขลา รวม 157 อำเภอ 559 ตำบล 2,472 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 91,686 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 9 ราย (จันทบุรี ตรัง นครราชสีมา ศรีสะเกษ จังหวัดละ 1 ราย ปราจีนบุรี 2 ราย และสุราษฎร์ธานี 3 ราย) บาดเจ็บ 4 ราย (สิงห์บุรี) ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 30 จังหวัด ยังคงมีน้ำท่วมขัง 2 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา และสุพรรณบุรี พื้นที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัย 8 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ นครสวรรค์ ชัยนาท กาญจนบุรี สิงห์บุรี กาญจนบุรี พังงา ชุมพร และอุบลราชธานี พื้นที่ได้รับผลกระทบจากดินสไลด์ 4 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร ภูเก็ต สตูล และกระบี่
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ร่วมกับจังหวัดหน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ อีกทั้งแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค เพื่อการดำรงชีพ สำหรับจังหวัดที่สถานการณ์คลี่คลายแล้วให้เร่งสำรวจประเมินความต้องการการช่วยเหลือของผู้ประสบภัย พร้อมจัดทำบัญชีความเสียหายให้ครอบคลุมทุกด้านเพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ต่อไป สำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยติดต่อได้โดยด่วนทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง