กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานว่า จากอิทธิพลพายุระดับ 2 (ดีเปรสชัน) ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม จนถึงปัจจุบัน (15 ต.ค.) มีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก ดินสไลด์ และวาตภัย 20 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา ศรีสะเกษ สระแก้ว ฉะเชิงเทรา จันทบุรี ชลบุรี ระยอง กาญจนบุรี ชัยนาท ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ นครราชสีมา สุราษฎร์ธานี พังงา กระบี่ ภูเก็ต ตรัง สตูล และสงขลา รวม 65 อำเภอ 168 ตำบล 528 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 15,740 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 1 ราย
ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมขัง 6 จังหวัด แบ่งเป็น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1 จังหวัด คือ จ.นครราชสีมา ภาคตะวันออก 2 จังหวัด ได้แก่ จ.สระแก้ว และ จ.ฉะเชิงเทรา ภาคใต้ 3 จังหวัด ได้แก่ จ.สุราษฎร์ธานี จ.ตรัง และ จ.สตูล
สำหรับพื้นที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัย 3 จังหวัด ได้แก่ จ.ชัยนาท จ.กาญจนบุรี และ จ.พังงา รวม 5 อำเภอ 8 ตำบล 16 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 24 หลัง ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว อยู่ระหว่างการฟื้นฟู พื้นที่ได้รับผลกระทบจากดินสไลด์ 3 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต สตูล และกระบี่ รวม 4 อำเภอ 4 ตำบล 4 หมู่บ้าน ปัจจุบันเปิดใช้เส้นทางได้แล้ว
ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ร่วมกับจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ รวมถึงสนับสนุนเรือท้องแบน พร้อมเครื่องยนต์ รถบรรทุกติดตั้งเครน รถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัยไปยังจุดอพยพ อีกทั้งแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคเพื่อการดำรงชีพ สำหรับจังหวัดที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว ให้เร่งสำรวจประเมินความต้องการการช่วยเหลือของผู้ประสบภัย พร้อมจัดทำบัญชีความเสียหายให้ครอบคลุมทุกด้าน ทั้งการประกอบอาชีพชีวิตความเป็นอยู่ ที่อยู่อาศัย พื้นที่การเกษตร ปศุสัตว์ สาธารณูปโภค เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ตลอดจนเร่งซ่อมแซมและฟื้นฟู สิ่งสาธารณประโยชน์ให้สามารถใช้งานได้ตามปกติโดยเร็ว
สำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป