นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ได้อนุมัติให้นักธุรกิจและผู้มีใบอนุญาตทำงานเดินทางเข้าประเทศมาแล้วประมาณ 11,000 คน และคนกลุ่มนี้ได้ยอมรับการเข้ากักตัวในสถานกักกันทางเลือก (Alternative State Quarantine: ASQ) 14 วัน โดยขณะนี้ ศบค. ได้อนุมัติให้มีนักท่องเที่ยวแบบ Long Stay โดยใช้ Special Tourist Visa (STV) ซึ่งได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ที่ผ่านมา ซึ่งนักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวจะต้องเข้ารับการกักตัวในสถานกักกันทางเลือก (Alternative State Quarantine: ASQ) 14 วัน ด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ในระยะต่อไปรัฐบาลเห็นความจำเป็นที่ควรอนุญาตให้กลุ่มนักธุรกิจที่จะเข้ามาเจรจาธุรกิจ และพิจารณาตัดสินใจด้านการลงทุน เดินทางเข้ามาในประเทศ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพสูงในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ แต่เนื่องจากนักธุรกิจกลุ่มดังกล่าวเดินทางเข้ามาเป็นระยะสั้น จึงควรต้องมีมาตรการพิเศษในการกำกับดูแล ซึ่งในเบื้องต้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้เตรียมนำเสนอมาตรการในการประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งมีเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นประธาน เพื่อนำข้อสรุปเสนอนายกรัฐมนตรีต่อไป
นายอนุชา กล่าวว่า สำหรับมาตรการที่เตรียมเสนอ คาดว่ามีดังนี้ 1) มีผลตรวจโควิด-19 (RT-PCR) ไม่เกิน 72 ชั่วโมง ก่อนเดินทางเข้าประเทศไทย 2) มีกรมธรรม์ประกันภัยที่ครอบคลุมการรักษาโรคโควิด-19 ในวงเงินไม่น้อยกว่า 1 แสนเหรียญดอลลาร์สหรัฐ 3) ตรวจหาเชื้อ RT-PCR เมื่อเดินทางมาถึงและเมื่อเดินทางออกจากประเทศไทย ที่ช่องทางเข้า-ออกประเทศไทย 4) ให้มีผู้ติดตามด้านการแพทย์และสาธารณสุขตลอดระยะเวลาที่พำนักในประเทศไทย หรือเงื่อนไขอื่นๆ ที่เหมาะสม 5) ให้เดินทางโดยยานพาหนะที่เตรียมไว้ ตามแผนการเดินทางที่กำหนดเท่านั้น และ 6) ให้มีการติดตั้งแอปพลิเคชันติดตามตัว เพื่อสามารถตรวจสอบได้ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในประเทศไทย
ทั้งนี้ รายละเอียดของมาตรการอาจมีเพิ่มเติมหรือเปลี่ยนแปลงได้ โดยคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด- 19) จะมีการประชุมเพื่อหาข้อสรุปภายในสัปดาห์นี้ และในขั้นตอนต่อจากนี้ จะมีการพิจารณาเพิ่มเติมเพื่ออนุมัติให้มีกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นลำดับต่อไป