นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (29 ก.ย.) เห็นชอบมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศของกระทรวงการคลัง 2 โครงการ ภายใต้กรอบวงเงินประมาณ 5.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะมีการใช้เงินจากเงินกู้ฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ทั้งโครงการให้เงินผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ อีกคนละ 500 บาทต่อเดือน เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือน ต.ค.-ธ.ค.63 ครอบคลุม 14 ล้านคน ใช้เงิน 20,900 ล้านบาท โดยเงินที่เพิ่มให้นี้จะกดเป็นเงินสดออกมาใช้ไม่ได้ และถ้าใช้ไม่หมดจะไม่มีทบยอดไปใช้ในเดือนต่อไปด้วย
ส่วนอีกโครงการคือ โครงการคนละครึ่ง ใช้เงิน 30,000 ล้านบาท โดยให้เงินไม่เกินคนละ 3,000 บาท เพื่อไปใช้จ่ายซื้ออาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าทั่วไป ซึ่งรัฐจะช่วยจ่ายให้ครึ่งนึง กำหนดให้ใช้ได้คนละไม่เกิน 150 บาทต่อวัน ผ่านแอพพลิเคชั่นเป๋าตังสำหรับประชาชน และถุงเงินสำหรับร้านค้า กรอบระยะเวลาโครงการตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงธันวาคมนี้ ซึ่งผู้มีสิทธิร่วมโครงการต้องมีสัญชาติไทยอายุ 18 ปีขึ้นไป กำหนดไว้จำนวน 10 ล้านคน
ส่วนอีกโครงการคือ โครงการคนละครึ่ง ใช้เงิน 30,000 ล้านบาท โดยให้เงินไม่เกินคนละ 3,000 บาท เพื่อไปใช้จ่ายซื้ออาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าทั่วไป ซึ่งรัฐจะช่วยจ่ายให้ครึ่งนึง กำหนดให้ใช้ได้คนละไม่เกิน 150 บาทต่อวัน ผ่านแอพพลิเคชั่นเป๋าตังสำหรับประชาชน และถุงเงินสำหรับร้านค้า กรอบระยะเวลาโครงการตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงธันวาคมนี้ ซึ่งผู้มีสิทธิร่วมโครงการต้องมีสัญชาติไทยอายุ 18 ปีขึ้นไป กำหนดไว้จำนวน 10 ล้านคน