เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่คำวินิจฉัย กกต. กรณีก่อนประกาศผลการเลือกตั้ง กกต.ได้รับรายงานกรณีมีเหตุควรสงสัยหรือความปรากฏว่า นางธนิดา ปิยวัชภาสุ ผู้ถูกร้องที่ 1 ตัวแทนหรือหัวคะแนนของนายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ ส.ส.นครปฐม พรรคชาติไทยพัฒนา ผู้ถูกร้องที่ 2 กระทำฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 73 วรรคหนึ่ง (1) คือ จัดทำ ให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด อันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่นายเผดิมชัย
ทั้งนี้ กกต.พิจารณารายงานการไต่สวนและพยานหลักฐานความว่า มีผู้แจ้งข้อมูลให้ผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครปฐมทราบว่า เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2562 เวลาประมาณ 21.30 น. ขณะที่ผู้แจ้งอยู่ที่บ้านพัก ผู้ถูกร้องที่ 1 ได้นำธนบัตรฉบับละ 500 บาท จำนวน 5 ฉบับ รวมเป็นเงิน 2,500 บาท มามอบให้ และบอกให้ผู้แจ้งและบุคคลในครอบครัวรวม 5 คน ลงคะแนนให้แก่นายเผดิมชัย จากการไต่สวนผู้แจ้งให้ถ้อยคำว่า ตนมิได้เป็นผู้แจ้งข้อมูลตามข้อกล่าวหา และไม่เคยลงลายมือชื่อในบันทึกการรับแจ้งเหตุตามมาตรา 164 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ที่ระบุว่าตนเป็นผู้แจ้งเหตุต่อผู้ตรวจการเลือกตั้งว่าผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ให้เงินแก่ตนและขอให้ลงคะแนนให้แก่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 โดยตนได้มอบธนบัตร ฉบับละ 500 บาทจำนวน 4 ฉบับ ให้แก่ผู้รับแจ้งเหตุผู้ถูกร้องที่ 1 มีบ้านพักใกล้กับบ้านพักของผู้แจ้งและมีความสนิทสนมกับผู้แจ้งมาประมาณ 20 ปีเป็นหุ้นส่วนในการทำธุรกิจค้าขายที่ต่างประเทศ ผู้แจ้งไม่เคยพบเห็นผู้ถูกร้องที่ 1 ช่วยเหลือหรือสนับสนุนผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใดในช่วงก่อนวันเลือกตั้งประมาณหนึ่งสัปดาห์ ผู้ถูกร้องที่ 1 ได้นำเงินที่เคยยืมจากผู้แจ้งจำนวน 2500 บาทมาคืนให้แก่ผู้แจ้งที่บ้านพัก โดยผู้แจ้งได้นำเงินดังกล่าวไปใช้ในชีวิตประจำวัน และไม่ได้นำไปมอบให้แก่ผู้ใด
นอกจากนี้ สามีของผู้แจ้งให้ถ้อยคำว่า เงิน 2,500 บาทเป็นการชำระหนี้ระหว่างผู้แจ้งกับผู้ถูกร้องที่ 1 ส่วนที่เคยให้ข้อมูลว่าเป็นการแจกเงินซื้อเสียงนั้น เกิดจากความเข้าใจผิดของตน เนื่องจากทราบภายหลังว่าผู้ถูกร้องที่ 1 นำเงินมาชำระหนี้ที่เคยยืมไปก่อนหน้านี้ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการแจกเงินซื้อเสียง การให้ถ้อยคำของผู้แจ้งและสามีผู้แจ้งมีความขัดแย้งกันกับข้อมูลที่ปรากฏในบันทึกการรับแจ้งเหตุ พยานหลักฐานที่ได้จากการไต่สวนจึงมีน้ำหนักน้อย ไม่น่าเชื่อถือ ประกอบกับผู้นำชุมชนในพื้นที่ตำบลท่าตลาด ให้ถ้อยคำสอดคล้องกันว่าไม่พบเห็นการแจกเงิน หรือบุคคลใดช่วยผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใดหาเสียง
อีกทั้งจากการตรวจสอบบัญชีรายชื่อผู้ช่วยหาเสียงของผู้ถูกร้องที่ 2 ไม่ปรากฏชื่อของผู้ถูกร้องที่ 1 และจากการตรวจสอบธนบัตรของกลางที่ได้มาพร้อมกับบันทึกการรับแจ้งเหตุ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 7 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รายงานผลการตรวจเก็บวัตถุพยานไม่พบลายนิ้วมือแฝงของผู้ที่ถูกอ้างว่าเกี่ยวข้องกับธนบัตรดังกล่าว ข้อเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ว่าผู้ถูกร้องทั้งสองกระทำการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 73 วรรคหนึ่ง (1) จึงมีคำสั่งให้ยุติเรื่อง