นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียได้มีการเผยแพร่คลิปเสียงความยาวเกือบ 2 นาที โดยเสียงในคลิปดังกล่าวคล้ายเสียงของ ส.ส.คนดัง หัวหน้าพรรคการเมืองหนึ่ง ซึ่งกำลังเจรจาเรียกรับเงินจำนวน 12 ล้านบาท จากบริษัทที่รับติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด หรือ ซีซีทีวี (CCTV) ในโครงการ Safe Zone Schools ของกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อแลกกับการเคลียร์สื่อมวลชนและคนใหญ่คนโตในหลายวงการ เพื่อให้ยุตินำเสนอข่าวด้านลบของบริษัทนั้น ซึ่งพฤติการณ์และการกระทำดังกล่าว หากพิสูจน์แล้วเป็นจริง ย่อมถือได้ว่า เป็นความเลวร้ายที่สุด ที่ไม่หมดสิ้นเสียทีในแวดวงนักการเมืองไทย ซึ่งสังคมไทยไม่อาจยอมรับได้ เพราะถือว่าเป็นการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง และเป็นเสมือนพวกปลิงทากที่เข้ามาเกาะกิน ทำลาย สถาบันการปกครองในระบบประชาธิปไตยฯ ของไทยเลยทีเดียว ซึ่งการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.149 ที่บัญญัติว่า "ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปีถึง 20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 40,000 บาท หรือประหารชีวิต"
นอกจากนั้น ยังถือได้ว่าเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม เข้าข่ายฝ่าฝืนบทบัญญัติใน ม.129 ประกอบ ม.128 ของ พรป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 เพราะถือว่าเป็นการกระทําความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการหรือความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรมด้วย ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช.ที่จะต้องรีบพิสูจน์และดำเนินการไต่สวนและชี้มูลว่ามีความผิดจริงหรือไม่ อย่างไร หากเป็นไปตามคลิปที่ปรากฏก็จักได้ส่งให้อัยการฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือศาลนักการเมืองพิพากษาลงโทษ ให้ออกจากตำแหน่ง ส.ส. และตัดสิทธิ์ทางการเมือง ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ 2560 ม.101 ประกอบ ม.98 ต่อไป
โดยสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จะเดินทางไปยื่นคำร้องพร้อมหลักฐานคลิปเสียงต่อ ป.ป.ช.ในวันจันทร์ที่ 31 ส.ค.63 เวลา 10.30 น. ณ สำนักงาน ป.ป.ช. นนทบุรี