นายไมเคิล จอร์จ ดีซอมบรี เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เดินทางเข้าเยี่ยมชมมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) และวัดมหาจุฬาฯ พร้อมทั้งกล่าวปาฐกถาพิเศษ "เสรีภาพทางศาสนา" ต่อผู้บริหารและนิสิต มจร ที่ศาลาอุไรศรี คนึงสุขเกษม ว่า ในประเทศสหรัฐอเมริกามีเสรีภาพในการนับถือศาสนา และห้ามออกกฎหมายยกย่องศาสนาใดศาสนาหนึ่งเป็นพิเศษ รวมทั้งห้ามออกกฎหมายห้ามประชาชนนับถือศาสนาใดศาสนาหนึ่งด้วย ซึ่งประเทศไทยก็มีการให้เสรีภาพในการนับถือศาสนาเช่นกัน ซึ่งการให้เสรีภาพในการนับถือศาสนานั้น เป็นการสร้างรากฐานแห่งการไว้ใจกัน ขณะที่ประชาชน 8 ใน 10 ของโลกยังขาดเสรีภาพในการนับถือศาสนา ดังนั้นเราต้องร่วมมือกันเพื่อให้เกิดเสรีภาพในเรื่องดังกล่าวมากขึ้น
เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ เปิดเผยด้วยว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีนโยบายให้ตั้งเครือข่ายเสรีภาพทางศาสนาแล้วเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกที่มีการตั้งเครือข่ายในลักษณะดังกล่าวขึ้น ขณะที่ก่อนหน้านี้ก็มีการดำเนินงานของผู้ติดต่อระหว่างประเทศว่าด้วยเสรีภาพการนับถือศาสนาและความเชื่อ ซึ่งขณะนี้มีสหรัฐอเมริกา และแคนาดา ร่วมดำเนินงานกันอยู่ เพื่อส่งเสริมเสรีภาพการนับถือศาสนาในระดับสากล และกำลังรอประเทศสมาชิกเข้าร่วมดำเนินการเพิ่มเติมด้วย
ทั้งนี้ การเคารพเสรีภาพในการนับถือศาสนา จะทำให้ทั้งสหรัฐอเมริกา และไทย เป็นประเทศที่แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม พร้อมกันนี้ ขอเป็นกำลังใจให้กับการทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาในต่างประเทศ เพราะถือว่าเป็นงานไม่ง่าย จึงขอให้ภูมิใจในการทุ่มเททำงานนี้
ทางด้านพระโสภณวชิราภรณ์ (ไสว โชติโก) รองอธิการบดีฝ่ายกิจการต่างประเทศ มจร เปิดเผยว่า นายไมเคิล จอร์จ ดีซอมบรี ต้องการศึกษาวัฒนธรรมไทย รากฐานของสังคมไทย จึงได้ประสานมายัง มจร ทั้งยังต้องการดูมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ของทาง มจร ด้วย ทั้งนี้ ทราบมาว่า นายไมเคิล จอร์จ ดีซอมบรี ได้เดินทางไปเยี่ยมชมวัดไทยหลายแห่งแล้ว