นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ในฐานะประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ทางศูนย์ฯ ประเมินการใช้จ่ายของผู้ปกครองในช่วงเปิดภาคการศึกษาทั่วประเทศประจำปี 2563 อยู่ที่ 40,000-50,000 หมื่นล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 5,000-10,000 ล้านบาท เนื่องจากผลกระทบจากการระบาดโควิด-19 ทำให้ผู้ปกครองต้องลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นเพื่อประคองสถานการณ์ทางการเงินของครอบครัว เพราะผู้ปกครองหลายรายถูกลดเงินเดือน หลายรายสุ่มเสี่ยงต่อการตกงาน และหลายรายยังตกงาน เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังพบว่าการนำทรัพย์สิน เช่น ทองคำ นาฬิกา เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องประดับต่างๆ เข้าโรงจำนำก็ไม่คึกคักเหมือนกับปีก่อน ส่วนหนึ่งมาจากผู้ปกครองต้องการประหยัดรายจ่ายในสถานการณ์วิกฤตเศรษฐกิจ ประกอบกับหลายรายไม่มีสมบัติที่จะนำเข้าไปโรงจำนำแล้ว เพราะมีการนำไปขายก่อนหน้านี้แล้วเพื่อนำไปใช้จ่ายในครอบครัว โดยเฉพาะทองคำที่มีราคาแพง เป็นต้น ขณะที่การขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินหรือการรูดบัตรเครดิตเป็นเงินสดก็ลดลงเช่นกัน เพราะผู้ปกครองหลายคนมีการใช้จ่ายเต็มวงเงินมาก่อนหน้านี้เช่นกัน
นายธนวรรธน์ กล่าวว่า ในปีนี้ถือว่าเป็นปีแรกที่ทางศูนย์ฯไม่ได้มีการสำรวจเงินสะพัดช่วงเปิดเทอม เพราะเข้าใจสถานการณ์ผู้ปกครองที่ส่วนใหญ่มีความกังวลกับการใข้จ่าย กังวลเกี่ยวกับหนี้สิน และกังวลถึงสถานการณ์ในการทำงานว่าจะเป็นอย่างไร หลังจากที่หลายบริษัทลดเงินเดือน ลดคน และเลิกกิจการจากสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ดังนั้นในภาพรวมคาดว่าจะมีการใช้จ่ายลดลงเฉลี่ยร้อยละ 10-20 ซึ่งก็เป็นไปตามแนวโน้มดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจและหลายๆ องค์กรได้มีการปรับลดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือจีดีพีลง เป็นต้น