นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยผลการดำเนินการมาตรการเยียวยา 5,000 บาท จนถึงวันที่ 20 พฤษภาคม สามารถจ่ายได้แล้วร้อยละ 99 ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 1 คือส่วนที่ยังตกค้างงเกี่ยวกับการยื่นขอทบทวนสิทธิ์
มาตรการเยียวยา 5,000 บาท มีผู้ลงทะเบียนทั้งสิ้น 28.8 ล้านราย แต่มีการลงทะเบียนซ้ำและลงทะเบียนไม่สำเร็จ ทำให้มีผู้ลงทะเบียนที่เข้าสู่ขั้นตอนการคัดกรองตามหลักเกณฑ์จำนวน 22.3 ล้านราย มีผู้ผ่านเกณฑ์ 15 ล้านราย ไม่ได้รับสิทธิ์ 7 ล้านราย และอยู่ระหว่างการดำเนินการทบทวนสิทธิ์ 240,000 ราย
ในกลุ่มผู้ผ่านเกณฑ์ 15 ล้านราย โอนเงินเยียวยาแล้ว 14.2 ล้านราย ส่วนที่เหลือจะโอนเงินได้ครบถ้วนภายในสัปดาห์นี้ โดยมีรอบการโอนวันที่ 21 พฤษภาคม จำนวน 230,000 ราย และวันที่ 22 พฤษภาคม จำนวน 440,000 ราย บัญชีของผู้รับจะต้องไม่มีปัญหาในเรื่องบัญชีไม่ตรงกับชื่อนามสกุลที่ลงทะเบียน บัญชีถูกปิด หรือไม่ได้ผูกพร้อมเพย์กับหมายเลขประจำตัวประชาชน ซึ่งจะเป็นเหตุให้การโอนเงินไม่สำเร็จ
ส่วนกลุ่มไม่ได้รับสิทธิ์ 7 ล้านราย จำแนกได้เป็น ผู้ไม่ขอทบทวนสิทธิ์ 4.8 ล้านราย ผู้ไม่ผ่านการขอทบทวนสิทธิ์ 1 ล้านราย ผู้ยกเลิกการลงทะเบียนหรือยกเลิกการขอทบทวนสิทธิ์ 900,000 ราย และกลุ่มที่ขอข้อมูลการประกอบอาชีพเพิ่มเติม แต่ไม่ได้เข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมภายในเวลาที่กำหนดประมาณ 300,000 ราย
กลุ่มที่อยู่ระหว่างการดำเนินการทบทวนสิทธิ์ 240,000 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 1 ของจำนวนผู้ที่เข้าสู่การคัดกรองตามหลักเกณฑ์ ที่ยังอยู่ระหว่างดำเนินการแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 ผู้ขอทบทวนสิทธิ์ 80,000 ราย จะได้รับการติดต่อจากทีมผู้พิทักษ์สิทธิ์เพื่อนัดยืนยันตัวตนและตรวจสอบการประกอบอาชีพตามที่ได้ลงทะเบียนไว้ กลุ่มที่ 2 ประมาณ 100,000 ราย เป็นผู้ขอทบทวนสิทธิ์ซึ่งเคยได้รับการติดต่อจากทีมผู้พิทักษ์สิทธิ์แล้ว แต่ไม่สามารถนัดพบได้ หรือที่อยู่จริงในปัจจุบันไม่ตรงกับที่ลงทะเบียนไว้ตอนขอทบทวนสิทธิ์ ทำให้ผู้พิทักษ์สิทธิ์ไม่สามารถเจอตัวได้ กลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มที่ผู้พิทักษ์สิทธิ์ได้พยายามติดต่อไปหาแล้วหลายครั้งแต่ติดต่อไม่ได้จำนวน 60,000 ราย
โดยผู้ขอทบทวนสิทธิ์ในกลุ่มที่ 2 และ 3 กระทรวงการคลังจะส่ง SMS แจ้งให้ทราบอีกครั้ง และให้ไปติดต่อที่สาขาธนาคารกรุงไทยที่สะดวกที่สุด เพื่อยืนยันตัวตนและการประกอบอาชีพ โดยนำบัตรประชาชนตัวจริงไปแสดงพร้อมหลักฐานการประกอบอาชีพได้จนถึงวันที่ 29 พฤษภาคม 2563