นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย เดือนเมษายน 2563 อยู่ในระดับ 32.1 ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ โดยมีปัจจัยหลักมาจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 แต่หลังจากนี้รัฐบาลจะต้องเร่งมาตรการผ่อนปรนการเปิดกิจการ และมาตรการล็อกดาวน์ เพื่อให้ภาคธุรกิจกลับมามีกระแสเงินสดให้มากขึ้น พร้อมทั้งเพิ่มกำลังซื้อผู้บริโภคด้วยการเร่งโอนเงินเยียวประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนทุกกลุ่มอย่างทั่วถึง ดูแลการเข้าถึงของเอสเอ็มอีให้มากขึ้น เพราะในช่วงการฟื้นธุรกิจเช่นนี้ ผู้ประกอบการจำเป็นที่ต้องเข้าถึงในด้านสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำกันมากขึ้น โดยทางหอการค้าประเมินช่วงเริ่มปลดล็อกมาตรการล็อกดาวน์ เฟสแรก คือ ตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา น่าจะมีเงินสะพัด 90,000 ล้านบาทต่อเดือน และหากปลดล็อกดาวน์เฟส 2 คือ กลางเดือนพฤษภาคม ใน 6 ธุรกิจ เงินสะพัดจะเพิ่มเป็น 130,000-150,000 ล้านบาทเดือน และหากรัฐบาลพิจารณาปลดล็อกดาวน์เฟส 3 ในกลุ่มธุรกิจห้างสรรพสินค้า ครบทุกส่วน ในเดือนมิถุนายน คาดเงินจะสะพัดมากถึง 200,000 ล้านบาทต่อเดือน เป็นต้น
ทั้งนี้ จากภาวะการจับจ่ายที่ลดลงของผู้บริโภคในช่วงที่ผ่านมา แต่ประเมินมีแนวโน้มที่ 4 เดือนข้างหน้า เงินเฟ้อของไทยจะลดลงต่อเนื่องจนทำให้ทั้งปี2563 เงินเฟ้อติดลบ 0.5 และไทยจะเข้าสู่ภาวะเงินฝืดในเชิงเทคนิค แต่ถือเป็นเงินฝืดโดยธรรมชาติที่ไม่น่ากังวล จากภาวะโควิด-19 และอยู่ในสถานการณ์นี้แทบทุกประเทศทั่วโลก โดยไทยยังมีโอกาสที่จะฟื้นตัวในปี 2564 ได้