นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา กล่าวว่า การขยายเวลาการบังคับใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) จนถึงวันที่ 30 พฤษภาคม ไม่มีผลทำให้ต้องเลื่อนการประชุมครั้งแรกหลังจากมีพระราชกฤษฎีกาเปิดสมัยประชุมสามัญประจำปีของวุฒิสภาที่กำหนดไว้ในวันที่ 25-26 พฤษภาคม เนื่องจากการประชุมสามัญประจำปีนั้นเป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ดังนั้น วุฒิสภาจึงถือว่ามีหน้าที่ที่ต้องประชุมตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายกำหนดไว้
อย่างไรก็ตาม ตนเข้าใจว่าช่วงการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นั้น ต้องคุมเข้มเรื่องการตรวจสอบบุคคล และกำหนดมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ซึ่งสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาได้เตรียมแผนไว้รองรับแล้ว
ทั้งนี้ การประชุมวุฒิสภาในวันที่ 25-26 พฤษภาคม จะใช้ห้องประชุมจันทราที่มีที่นั่ง 350 ที่ ขณะที่ ส.ว. มี 249 คน สามารถจัดมาตรการเว้นระยะห่างในห้องประชุมได้
นายพรเพชร กล่าวอีกว่า วาระแรกที่ ส.ว.จะพิจารณา คือการตั้งคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อตรวจสอบประวัติ พฤติกรรมและพฤติการทางจริยธรรมของบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และการให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
ซึ่งการให้ความเห็นชอบหรือไม่นั้น ได้กำหนดมาตรการการลงคะแนนและเว้นระยะห่างเตรียมไว้แล้ว ขณะที่การประชุมกรรมาธิการของวุฒิสภายังสามารถประชุมได้เป็นปกติ แต่ต้องมีมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมและการรักษาความปลอดภัยด้านสุขภาพอนามัย