นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก “นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ”ระบุว่า ไม่สวมหน้ากากเป็นความผิดหรือไม่? ผมอ่านข่าว ศาลจังหวัดสมุทรสาคร ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ ม.34(6) กรณีไม่สวมหน้ากากเมื่อออกมาในที่สาธารณะ ตามประกาศของผู้ว่าราชการจังหวัด แต่ขณะเดียวกันศาลจังหวัดกันทรลักษณ์ จ.ศรีษะเกษ เห็นว่า การไม่สวมหน้ากากไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อม.34(6) โดยเห็นว่า ผวจ.ไม่มีอำนาจสั่งให้ประชาชนสวมหน้ากากเมื่อออกจากบ้าน เอาเป็นว่า ศาลชั้นต้น 2 ศาลตัดสินข้อกฎหมายไม่เหมือนกัน ว่ากันตามจริงเมื่อเป็นอย่างนี้ประชาชนก็สับสนล่ะ
ทนายความท่านหนึ่งเลยออกมาผสมโรง ด้วยการบอกว่า ถ้าประชาชนโดนดำเนินคดีกรณีไม่สวมหน้ากากเมื่อออกจากบ้าน ให้แจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตามปอ.157 ข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ผมมีความเห็น 3 ประการ
1.คำพิพากษาในเรื่องนี้ต้องมีบรรทัดฐานทางกฎหมายเหมือนกัน จริงอยู่ศาลอาจตีความข้อกฎหมายต่างกันได้ แต่เรื่องนี้ต้องมีข้อยุติโดยเร็ว การไม่สวมหน้ากากถ้าผิดก็ต้องผิดเหมือนกัน ไม่ว่า สมุทรสาคร หรือ ศรีษะเกษ ถ้าไม่ผิดก็ไม่ผิดเหมือนกันไม่ว่าที่ไหน (แต่เรื่องนี้ต้องดูการบรรยายฟ้องของอัยการประกอบด้วย ว่าบรรยายฟ้องเหมือนกันหรือไม่)
2.ผมเห็นว่า นายกรัฐมนตรีควรมีคำสั่งตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ให้การไม่สวมหน้ากากเป็นความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เสียเลย เพื่อแก้ปัญหานี้
3.พวกเราทนายความก็ไม่ควรโหนกระแส แนะนำให้ประชาชนคิดว่า การไม่สวมหน้ากากไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ แต่ควรชี้ให้ประชาชนเห็นว่าประเทศในยุโรปที่เสียชีวิตมากสาเหตุหนึ่งเป็นเพราะประชาชนไม่สวมหน้ากาก ท่านทนายที่แนะนำประชาชนว่าการไม่สวมหน้ากากไม่เป็นความผิด ท่านลองขับรถผ่านด่านออกไปโดยไม่สวมหน้ากากดูหน่อย แล้วท่านไลฟ์สดเลย ดูซิว่าจะเป็นยังไง ผมจะดูท่านไลฟ์สดด้วย
การให้คำปรึกษาหรือแนะนำประชาชนควรคิดถึงตัวเองด้วยว่า ที่เราแนะนำประชาชนนั้นถ้าเป็นเรา เรากล้าทำหรือเปล่า ถ้าเราก็ไม่ทำแล้วเราแนะนำประชาชนทำไม
ผมไม่อยากทะเลาะกับทนายความหนุ่มไฟแรงหรอก แต่ในฐานะที่เป็นทนายความรุ่นพี่ ผมก็อยากแนะนำประชาชนว่า ถ้าจำเป็นต้องออกจากบ้าน สวมหน้ากากเถอะครับ ไม่ว่าหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย มันป้องกันตัวท่านเองและป้องกันคนอื่นด้วย
อย่าเชื่อทนายหนุ่มเลย เชื่อทนายแก่อย่างผมเถอะ
(ปล.โปรดแสดงความเห็นด้วยความระมัดระวัง)
