นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ ยื่นเอกสารขอให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรหักเงินเดือนของตัวเองและเงินประจำตำแหน่ง ส.ส. ตั้งแต่งวดวันที่ 30 เมษายน 2563 ถึงวันที่ 31 มีนาคม2566 หรือจนกว่ายุบสภา หรือหมดวาระสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งรวมแล้วจะเป็นเงินประมาณ 4 ล้านบาท เพื่อนำเข้ากองทุนสมทบป้องกันโควิค-19 ของรัฐบาล ว่า นายมงคลกิตติ์ ได้ยื่นรายละเอียดถูกต้อง ครบถ้วน โดยมีหนังสือแสดงเจตนารมณ์ให้หักเงินเดือนของตัวเอง และมีสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนรับรองมาเรียบร้อย ซึ่งเมื่อตรวจสอบไปที่สำนักการคลังของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว เห็นว่าสามารถดำเนินการได้ เพราะถือเป็นเจตนา
ดังนั้น สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จะรับไปดำเนินการให้ โดยปัจจุบันเงินเดือน ส.ส.ประมาณ 113,560 บาท ก็ได้มีการหักเงินเข้ากองทุน คนเคยเป็นสมาชิกรัฐสภา คนละ 3,500 บาท และมี ส.ส.บางพรรคการเมือง เช่น พรรคประชาธิปัตย์ เคยทำหนังสือขอให้หักเงินเดือนเพื่อนำส่งให้พรรคมาแล้ว ก็สามารถทำได้ ดังนั้น หากมี ส.ส.คนใดต้องการจะให้หักแบบนายมงคลกิตติ์ ก็พร้อมดำเนินการให้ สามารถทำหนังสือแสดงเจตจำนงมาที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร แต่การหักเงินเดือนจะไม่ได้รับการยกเว้นภาษี เพราะยังถือเป็นรายได้ ดังนั้นใบคำนวณภาษีก็จะคิดจากยอดเต็มที่ ส.ส. ได้รับ อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกช่องทางหนึ่งที่ง่ายและสะดวกกว่า คือ ส.ส. สามารถใช้วิธีเบิกเงินเดือนแล้วไปบริจาคด้วยตัวเองได้
เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวด้วยว่า นอกจากนายมงคลกิตติ์ แล้ว ยังมี ส.ส. ส่วนหนึ่งโทรศัพท์มาสอบถามว่า นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร มีนโยบายหักเงินเดือน ส.ส.หรือไม่ ซึ่งก็ได้ยืนยันไปแล้วว่าประธานสภาผู้แทนราษฎรไม่มีนโยบายในเรื่องนี้ ซึ่งนายชวน ระบุชัดว่า ส.ส.ต้องลงไปช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่อยู่แล้ว และเข้าใจว่าต้องใช้เงินมากกว่าเงินเดือนที่ได้รับด้วยซ้ำ
