นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. กล่าวถึงกระแสข่าวที่ว่ามีเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในทำเนียบรัฐบาลติดเชื้อโควิด-19 ว่า ตนตรวจสอบเรื่องนี้จากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขแล้ว พบว่าเจ้าหน้าที่ผู้ที่ติดเชื้อไม่ใช่ข้าราชการทำเนียบรัฐบาล แต่เป็นข้าราชการกระทรวงสาธารณสุข เพศชาย อายุ 46 ปี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ประสานงานและประชุมกับหลายหน่วยงาน รวมถึงทำเนียบรัฐบาล แต่ไม่ได้มานั่งประจำที่ทำเนียบรัฐบาล และจะอยู่เฉพาะกลุ่มที่มาจากกระทรวงสาธารณสุข
ทั้งนี้ ทีมสอบสวนโรค กองโรคติดต่อทั่วไป ตรวจสอบพบว่าข้าราชการรายนี้เริ่มมีอาการป่วยตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม ที่ผ่านมา โดยมีน้ำมูก ไอนานๆ ครั้ง ซึ่งเจ้าตัวคิดว่าเป็นภูมิแพ้ เพราะยังไม่มีไข้ แต่หลังจากป่วย 3 วัน จึงไปตรวจซึ่งผลออกมายืนยันเมื่อคืนนี้วันที่ 29 มีนาคม ที่ผ่านมา ว่าติดเชื้อโควิด-19 ข้าราชการรายนี้จึงกักตัวเอง และตอนนี้ได้เข้ารับการรักษาที่สถาบันบำราศนราดูรแล้ว
ขณะที่ทีมสืบสวนโรคยังพยายามเข้าไปดูแลความเสี่ยงมี ซึ่งถือว่ายังต่ำ พบว่าผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับข้าราชการรายนี้เป็นคนของกระทรวงสาธารณสุข ประมาณ 30 คน ถ้าเป็นไข้ก็ไปโรงพยาบาล ถ้าไม่พบไข้ให้กักตัวที่บ้าน ก็จะอยู่ในวงจำกัดและจะใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ส่วนคนที่ใกล้ชิดที่นั่งอยู่ในห้องทำงานของ ศบค. ในตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล ได้จัดที่นั่งทำงานห่างกันพอสมควร และยังไม่มีผู้บริหารระดับสูงที่พบอาการ
ทั้งนี้ ทีมสอบสวนโรค กองโรคติดต่อทั่วไป ตรวจสอบพบว่าข้าราชการรายนี้เริ่มมีอาการป่วยตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม ที่ผ่านมา โดยมีน้ำมูก ไอนานๆ ครั้ง ซึ่งเจ้าตัวคิดว่าเป็นภูมิแพ้ เพราะยังไม่มีไข้ แต่หลังจากป่วย 3 วัน จึงไปตรวจซึ่งผลออกมายืนยันเมื่อคืนนี้วันที่ 29 มีนาคม ที่ผ่านมา ว่าติดเชื้อโควิด-19 ข้าราชการรายนี้จึงกักตัวเอง และตอนนี้ได้เข้ารับการรักษาที่สถาบันบำราศนราดูรแล้ว
ขณะที่ทีมสืบสวนโรคยังพยายามเข้าไปดูแลความเสี่ยงมี ซึ่งถือว่ายังต่ำ พบว่าผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับข้าราชการรายนี้เป็นคนของกระทรวงสาธารณสุข ประมาณ 30 คน ถ้าเป็นไข้ก็ไปโรงพยาบาล ถ้าไม่พบไข้ให้กักตัวที่บ้าน ก็จะอยู่ในวงจำกัดและจะใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ส่วนคนที่ใกล้ชิดที่นั่งอยู่ในห้องทำงานของ ศบค. ในตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล ได้จัดที่นั่งทำงานห่างกันพอสมควร และยังไม่มีผู้บริหารระดับสูงที่พบอาการ