นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย โพสต์เฟซบุ๊ก “ศรีสุวรรณ จรรยา”ระบุว่า คลิปเสี่ยบอย-ศรสุวีร์ โพสต์ขายหน้ากากอนามัย เมื่อวันที่ 7 ก.พ.63 ในขณะที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดให้หน้ากากอนามัยเป็นสินค้าควบคุมเมื่อ 4 ก.พ.63 ดังนั้นตำรวจต้องแจ้งข้อกล่าวหาเสี่ยบอยอย่างน้อย 3 ข้อหา คือ 1.ความผิดตาม ม.25(5) ฐานไม่แจ้งสต๊อก ต้นทุน ราคาจำหน่าย สถานที่เก็บและปริมาณคงเหลือ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับเพิ่มอีกวันละ 2,000 บาทจนกว่าจะแจ้ง
2.ความผิดตาม ม.29 ฐานจำหน่ายหน้ากากในราคาที่สูงเกินสมควร มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
และ 3.ความผิดตาม ม.25(1) ฐานขายสินค้าหน้ากากเกินราคาควบคุม มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
แต่ข่าวที่ปรากฏต่อสาธารณะนั้น ตำรวจ บช.น.2 แจ้งเพียงข้อหาเดียว คือ นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ตาม ม.14 แห่ง พรบ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2550 โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาทั้ง 3 ข้อข้างต้น และเมื่อเชียลมีเดียมีการแชร์ภาพที่เสี่ยบอยไปร่วมงานสานสัมพันธ์พี่น้องกับนายตำรวจใหญ่ และกิจกรรมอื่นๆ ร่วมกับตำรวจอีกมากมาย ก็มาถึงบางอ้อ
แต่อย่าลืมตาม ปอ.ม.200 บัญญัติว่า “ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานในตำแหน่งพนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาหรือจัดการให้เป็นไปตามหมายอาญา กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดๆ ในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ เพื่อจะช่วยบุคคลหนึ่งบุคคลใดมิให้ต้องโทษ หรือให้รับโทษน้อยลง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 7 ปี และปรับตั้งแต่ 1,000 บาทถึง 14,000 บาท”ตามดูกันต่อไป ถ้าไม่ทำให้ถูกต้อง เรื่องถึง ป.ป.ช.แน่