สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล ออกประกาศ เรื่อง การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19) ในสาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) ระบุว่า
ตามที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19) ในเกาหลีใต้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง โดยล่าสุดมีผู้ติดเชื้อในเกาหลีใต้แล้ว 893 ราย และเสียชีวิตแล้ว 8 ราย โดยเฉพาะในนครแตกูและพื้นที่โดยรอบในจังหวัดคยองซังเหนือ พบผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น 724 ราย (สถานะ ณ วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2563) นั้น
สถานเอกอัครราชทูตฯ ขอแจ้งรายละเอียดมาตรการของรัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลี ดังนี้
1. เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2563 รัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลีใต้ประกาศยกระดับการเตือนภัยเป็นระดับ "ร้ายแรง" (สีแดง) ซึ่งเป็นระดับสูงสุด โดยนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการ Central Disaster and Safety Countermeasures Headquarters มีอำนาจหน้าที่กำกับและระดมกำลังหน่วยงานภาครัฐ และสามารถสั่งการดำเนินมาตรการขั้นเด็ดขาดในการควบคุมกิจกรรมชุมนุมและการใช้สถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกสาธารณะ เพื่อป้องกันไม่ให้การแพร่ระบาดรุนแรงขึ้น
2. รัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลีกำหนดให้นครแตกูและเขตชองโด จังหวัดคยองซังเหนือ เป็น "เขตบริหารจัดการพิเศษ" ตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 และขอให้ประชาชนในพื้นที่หรือผู้ที่เคยเดินทางไปยังพื้นที่ดังกล่าวหลีกเลี่ยงการเดินทางออกจากที่พักอาศัยเป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ และหากมีไข้หรืออาการผิดปกติของระบบทางเดินหายใจ ให้ขอรับคำปรึกษาที่หมายเลขโทรศัพท์ 1339 หรือสถานีอนามัย ในพื้นที่และรับการตรวจวินิจฉัยต่อไป และให้ผู้ประกอบการในพื้นที่อนุญาตให้พนักงานหยุดพักผ่อนที่บ้านโดยไม่ต้องยื่นใบรับรองแพทย์หากมีอาการป่วยที่ต้องสงสัย ทั้งนี้ ในเบื้องต้นรัฐบาลได้จัดเตรียมเตียงผู้ป่วยเพิ่ม 156 เตียง ที่ Daegu Medical Center และ Keimyung University Dongsan Medical Center และมีแผนจะจัดเตรียมเตียงรองรับผู้ป่วยที่โรงพยาบาลอื่นๆ ในนครแดกูเพิ่มขึ้นอีก 453 เตียง และในเขตชองโดและบริเวณใกล้เคียงในจังหวัดคยองซังเหนือให้ได้รวมประมาณ 900 เตียง
3. กระทรวงศึกษาธิการสาธารณรัฐเกาหลี ได้ออกคำสั่งเลื่อนการเปิดภาคเรียนของสถานศึกษาระดับอนุบาล ประถมศึกษา มัธยมศึกษา และโรงเรียนเฉพาะทางทั่วประเทศออกไป 1 สัปดาห์ เป็นวันที่ 9 มีนาคม 2563 และสำหรับสถาบันเอกชนอื่นๆ ที่ตั้งอยู่ในเส้นทางการสัญจรของผู้ติดเชื้อ ขอให้พิจารณาปิดทำการ และขอให้นักเรียนและครูผู้สอนหยุดการเข้าทำการเรียนการสอน โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบการดำเนินการตามมาตรการรักษาความปลอดภัยของสถาบันต่างๆ
4. กระทรวงยุติธรรมสาธารณรัฐเกาหลี ได้ออกคำสั่งงดการเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังในเรือนจำทั่วประเทศ และขยายเวลาการพำนักให้แก่ชาวต่างชาติที่พำนักอยู่ในเกาหลีใต้อย่างถูกกฎหมายและระยะการพำนักใกล้สิ้นสุดลงให้สามารถพำนักในเกาหลีใต้ได้ถึงวันที่ 30 เมษายน 2563 โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเพื่อยื่นเรื่องขอขยายระยะเวลาการพำนัก เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายของเชื้อ ทั้งนี้ สำหรับการตรวจลงตราบางประเภท อาทิ E-9 E-10 ซึ่งกระทรวงยุติธรรมไม่ได้มีอำนาจในการอนุมัติ ขอให้พยายามใช้วิธีการยื่นเอกสารออนไลน์หรือมอบอำนาจให้นายจ้างช่วยดำเนินการ
5. เทศบาลกรุงโซล
5.1 สั่งห้ามการจัดการชุมนุม ซึ่รวมถึงการเข้าร่วมการชุมนุมช่วงสุดสัปดาห์บริเวณจัตุรัสกรุงโซล จัตุรัสชองเก และจัตุรัสควางฮวามุน โดยผู้ที่ฝ่าฝืนจะถูกปรับคนละ 3 ล้านวอน
5.2 เปิดสถานีอนามัยให้บริการ 24 ชั่วโมง จำนวน 25 แห่ง ในพื้นที่ 25 เขตในกรุงโซล ดังมีรายชื่อและหมายเลขโทรศัพท์ตาม http://news.seoul.go.kr/welfare/archives/512617 และสามารถขอรับการตรวจโรค COVID-19 ได้ที่โรงพยาบาลดังมีรายชื่อตาม http://news.seoul.go.kr/welfare/archives/512553
5.3 กำหนดให้ Seoul Medical Center และ SNU Boramae Medical Center เป็น "สถานที่ตรวจสำหรับเด็กโดยเฉพาะ" และกำหนดให้ Seoul Medical Center และ Seoul Metropolitan Seonam Hospital เป็น "โรงพยาบาลควบคุมโรคระบาด (รองรับผู้ติดโรค COVID-19)" โดยได้จัดเตรียมเตียงรองรับผู้ป่วยเพิ่มขึ้นแล้ว 413 เตียง และมีแผนที่จะจัดหาเตียงผู้ป่วยเพิ่มอีกกว่า 900 เตียง
5.4 มีคำสั่งปิดสถานสงเคราะห์ต่างๆ เช่น บ้านพักนชรา ศูนย์วัฒนธรรมและกีฬา และให้ข้าราชการของเทศบาลกรุงโซลร้อยละ 70 เข้าทำงานตั้งแต่ 10.00 น. และเลิกงานเวลา 19.00 น. เพื่อลดความแออัดในชั่วโมงเร่งด่วน และอาจขอความร่วมมือจากบริษัทเอกชนต่อไป
5.5 จัดการแถลงข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในกรุงโซล เป็นประจำทุกวัน เวลา 11.00 น. และเวลา 15.00 น. เพื่อสื่อสารกับประชาชน และให้ข้อมูลอย่างโปร่งใส รวมถึงให้ข้อมูลผ่านทางเว็บไซต์ http://www.seoul.go.kr/coronaV/Cleanzone.do
ในการนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ ขอให้ชาวไทยในสาธารณรัฐเกาหลีทุกท่านปฏิบัติตามมาตรการในการควบคุมโรคของรัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลีอย่างเคร่งครัด รวมถึงหลักเลี่ยงการเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยงหรือมีกิจกรรมการชุมนุมของคนจำนวนมาก ระมัดระวังดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรง หมั่นล้างมือให้สะอาด ใช้ช้อนกลาง และสวมใส่หน้ากากเมื่อมีความจำเป็นต้องออกไปในพื้นที่สาธารณะ ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่มีอาการไอ จาม มีไข้ หรือมีความผิดปกติบริเวณทางเดินหายใจ ขอให้รับคำปรึกษาเบื้องต้นจากกรมควบคุมโรคสาธารณรัฐเกาหลี ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1339 หรือสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองสาธารณรัฐเกาหลี ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1345 ต่อ 0*5* สำหรับภาษาไทย ก่อนการเดินทางไปยังโรงพยาบาล เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากโรงพยาบาล
ทั้งนี้ สามารถติดต่อสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ hotline +82 10 6747 0095 หรืออีเมล rteconsular@gmail.com รวมทั้งขอให้โปรดติดตามข่าวสารการแพร่ระบาดของโรคผ่านช่องทางทางการของรัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลี อาทิ www.cdc.go.kr สื่อมวลชน และ/หรือสถานเอกอัครราชทูตฯ อย่างใกล้ชิดต่อไป