วันนี้ (20 ก.พ.) มูลนิธิเมาไม่ขับเผยแพร่จดหมาย ลงนามโดย นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ เรียนถึงอธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เรื่องขอให้ลงโทษทางวินัยอาจารย์ที่ละเมิดกฎหมายเมาแล้วขับ เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง กับอาจารย์ท่านอื่นๆ ต่อไป
โดยข้อความในจดหมาย ระบุว่า อุบัติเหตุบนท้องถนนในประเทศไทยกลายเป็นภัยเงียบ บ่อนทำลายสังคมไทยมายาวนาน โดยสถิติรวบรวมไว้พบว่าคนไทยเสียชีวิตกว่า 20,000 คนต่อปี บาดเจ็บประมาณ 1 ล้านคนต่อปี มูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจ สังคม สูงถึง 5 แสนล้านบาทต่อปี และจากรายงานขององค์การอนามัยโลก ระบุว่าประเทศไทยมีอัตราผู้เสียชีวิตสูงติดอันดับ 9 ของโลก และสูงเป็นอันดับ 1 ของทวีปเอเชียและกลุ่มประเทศอาเซียน
ขณะที่รัฐบาลนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ให้ความสำคัญกับนโยบายการลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุบนท้องถนนอย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตลอดระยะเวลาที่ได้เป็นผู้นำบริหารประเทศ มีนโยบายที่ชัดเจนในการจะลดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนที่มีสาเหตุมาจากการเมาแล้วขับ รวมไปถึงการให้ความเห็นชอบกฎหมายที่ก่อให้เกิดประโยชน์กับการลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุบนท้องถนน หลายฉบับ อาทิ กฎหมายการปฏิเสธการตรวจวัดแอลกอฮอล์ให้ถือว่าเมาแล้วขับ (เมาไม่เป่า) กฎหมายลดปริมาณแอลกอฮอล์จาก 50 มิลลิกรัมเปอร์เซนต์ เหลือ 20 มิลลิกรัมเปอร์เซนต์ ในกลุ่มเด็กเยาวชน และผู้มีใบขับขี่ชั่วคราว ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 18 ก.พ.63 ปรากฎว่ามีอาจารย์ของมหาวิทยาลัย ซึ่งอยู่ใต้บังคับบัญชา กระทำการฝ่าฝืนกฎหมายเมาแล้วขับเป็นเหตุให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่บาดเจ็บ 2 นาย ซึ่งผลการตรวจพบมีแอลกอฮอล์ 161 มิลลิกรัมเปอร์เซนต์ เกินกว่ากฏหมายกำหนด 2 เท่า เหตุเกิดท้องที่ สภ.พระประแดง พฤติกรรมดังกล่าว นับเป็นภัยร้ายแรงต่อประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน เป็นการท้าทายกฎหมาย ทั้งๆที่รัฐบาล หน่วยงานทกภาคส่วนได้มีการรณรงค์ เพื่อให้เห็นถึงพิษภัยของการเมาแล้วขับอย่างกว้างขวางในสื่อมวลชนทุกแขนง ประกอบกับเป็นครูบาอาจารย์ ควรเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกศิษย์
ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว มูลนิธิเมาไม่ขับ ในฐานะองค์กรสาธารณประโยชน์ ที่ไม่ได้มุ่งแสวงกำไร ซึ่งทำงานรณรงค์และสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายเมาไม่ขับ มาตั้งแต่ปี 2539 จึงมีหนังสือมา เพื่อขอให้มีการลงโทษทางวินัยกับอาจารย์ดังกล่าวเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างกับข้าราชการในมหาวิทยาลัย ที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชา ในนามของมูลนิธิเมาไม่ขับ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการพิจารณา
พร้อมยืนยันว่าไม่มีเหตุโกรธเคืองใดๆ เป็นส่วนตัว แต่อยากให้เป็นกรณี ศึกษาเพื่อให้ข้าราชการในมหาวิทยาลัย ที่ยังมีพฤติกรรมเมาแล้วขับ ได้ลด ละ เลิกพฤติกรรมดังกล่าว ในฐานะข้าราชการที่ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับประชาชน ซึ่งผลการดำเนินการเป็นประการใด ขอความกรุณาแจ้งให้กับมูลนิธิเมาไม่ขับทราบด้วย