วันนี้ (18 ม.ค.62) เวลา 16.07 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ประทับเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง จากสนามเฮลิคอปเตอร์ชั่วคราว พระลานพระราชวังดุสิต เสด็จพระราชดำเนินไปยังสนามเฮลิคอปเตอร์ชั่วคราว ศูนย์การทหารม้า ค่ายอดิศร ตําบลปากเพรียว อําเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี ในการพิธีสวนสนามถวายสัตย์ปฏิญาณของทหาร - ตํารวจ เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 และวันกองทัพไทย
ถวายราชสักการะพระเจ้าตากสินมหาราช
โอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นแท่นทรงรับการถวายเคารพจากกองทหารเกียรติยศ และประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จ ฯ ไปยังลานพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงวางพุ่มดอกไม้ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงวางพุ่มดอกไม้ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชรมหาวัชรราชธิดา ทรงวางพุ่มดอกไม้ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะ เสร็จแล้วประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จ ฯ ไปยังอาคารประมณฑ์ผลาสินธุ์ศูนย์การทหารม้า ค่ายอดิศร ทรงลงพระปรมาภิไธย ทรงลงพระนามาภิไธย และทรงลงพระนามในสมุดเยี่ยม
จากนั้น เวลา 16.41 น. เสด็จออกจากห้องประทับรับรองพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฉลองพระองค์ชุดพระราชฐาน ประดับยศจอมทัพไทย สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชรมหาวัชรราชธิดา โดยรถยนต์พระที่นั่งเปิดประทุน ถึงลานสวนสนามศูนย์การทหารม้า ค่ายอดิศร พลโท ธรรมนูญ วิถี ผู้บังคับกองผสม ขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาสกราบบังคมทูลถวายรายงาน และกราบบังคมทูลเชิญเสด็จ ฯ ทรงตรวจพลสวนสนาม
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประทับยืนบนรถยนต์พระที่นั่งเปิดประทุน ทรงตรวจพลสวนสนาม จากกองทหาร 3 เหล่าทัพ ประกอบด้วย ทัพบก เรือ อากาศ และสํานักงานตํารวจแห่งชาติ โดยมีนายทหารราชองครักษ์ในพระองค์ฯ เป็นผู้เชิญธงชัยราชกระบี่ยุทธ และเชิญธงชัยพระครุฑพ่าห์ นำเสด็จ และมีรถผู้บังคับกองผสมและรถนายทหารชั้นผู้ใหญ่ จำนวน 6 คัน ตามเสด็จ
ขณะนั้น วงดุริยางค์บรรเลงเพลงมารช์ธงชัยเฉลิมพล เมื่อทรงตรวจพลสวนสนามเสร็จสิ้น เสด็จขึ้นพลับพลาที่ประทับ ประทับพระราชอาสน์ ณ พระที่นั่งชุมสาย พลโท กิตติ เกตุศรี เจ้ากรมสารบรรณทหาร เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้า ฯ ถวายสูจิบัตร แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พันเอกหญิง ธวัลยา ศรีเพ็ชร์พันธุ์ นายทหารประจำศูนย์รักษาความปลอดภัย เข้าเฝ้า ฯ ทลู เกล้าฯ ถวายสูจิบัตร แด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และ พันเอกหญิง หทัยภัทร ปัทมาคม ประจําสํานักงานรองเสนาธิการทหาร เข้าเฝ้าทูลถวายสูจิบัตรแด่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชรมหาวัชรราชธิดา
ต่อมา พลเอกพรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก พลเรือเอกลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พลอากาศเอกมานัต วงษ์วาทย์ ผู้บัญชาการทการอากาศ และ พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประจำแถวพลับพลาที่ประทับ พลเอกพรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เปิดกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพ จากนั้น เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายดอกไม้ธูปเทียนแพบนพลับพลา ที่ประทับ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับดอกไม้ธูปเทียนแพ
จากนั้น พลเอกพรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ถวายรายงานความเป็นมาของการจัดพิธีสวนสนาม และถวายสัตย์ปฏิญาณ กล่าวคำถวายพระพรชัยมงคล ความว่า
การนี้ พลเอกพรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้กราบบังคมทูลถวายรายงานการจัดงานว่า
" ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม
ข้าพระพุทธเจ้า พลเอก พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พร้อมด้วยผู้บัญชาการทหารทุกเหล่าทัพ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และทหาร - ตำรวจทุกนาย ล้วนมีความปลาบปลื้มและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินมาในพิธีสวนสนามถวายสัตย์ปฏิญาณของทหาร-ตำรวจ เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 และวันกองทัพไทย เป็นการบำรุงขวัญ และยังความปลื้มปิติแก่เหล่าทหาร-ตำรวจทั่วราชอาณาจักรเป็นลันพ้น
วันกองทัพไทย 18 มกราคมของทุกปี เป็นวันสำคัญทางประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช กระทำยุทธหัตถีมีชัยเหนือข้าศึก รักษาราชอาณาจักรให้ธำรงความเป็นชาติจนถึงปัจจุบัน และเนื่องในโอกาสมหามงคล ที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงรับบรมราชาภิเษก และทรงดำรงตำแหน่งจอมทัพไทย กองทัพไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงน้อมใจจัดการสวนสนามถวายสัตย์ปฏิญาณเฉพาะพระพักตร์อย่างพร้อมเพรียงทั่วประเทศ เพื่อเทิดพระเกียรติ และแสดงความจงรักภักดี พร้อมทั้งแสดงถึงแสนยานุภาพ ความเป็นปึกแผ่น ในการผนึกกำลังของทหารทั้ง 3 เหล่าพัน และตำรวจ ภายใต้เบื้องพระยุคลบาทและพระบารมีของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท
นับแต่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ สืบพระบรมราชสันตติวงศ์ ได้ทรงอุทิศเวลา กำลังพระวรกาย กำลังพระปัญญา และกำลังพระราชทรัพย์ บำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อความผาสุกร่มเย็นของอาณาประชาราษฎร์ ด้วยพระปรีชาสามารถและสายพระเนตรอันกว้างไกล ทรงบ่มเพาะให้พสกนิกรมีจิตอาสา จิตแห่งความดีงาม เสียสละเวลา แรงกาย แรงสติปัญญา เพื่อสาธารณประโยชน์โดยไม่หวังผลตอบแทน ส่งผลให้คนในชาติสมัครสมานสามัคคี บ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง ยังความผาสุกร่มเย็นและมั่นคง ภายใต้ร่มพระบารมีแห่งใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ
ปวงข้าพระพุทธเจ้า ต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อม และขอพระราชทานถวายสัตย์ปฏิญาณว่า ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย จักปฏิบัติหน้าที่สนองพระมหากรุณาธิคุณอย่างเต็มกำลังความสามารถ ด้วยความจงรักภักดี ด้วยความชื่อสัตย์สุจริต ปกป้องราชอาณาจักรไทย พร้อมใจถวายชีวิตและเลือดเนื้อเป็นราชพลี และขอพระราชทานถวายพระพรชัยมงคล ขออัญเชิญอานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย พระสยามเทวาธิราช สรรพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากล ตลอดจนพระบรมเดชานุภาพแห่งสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า โปรดอภิบาลรักษาใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ ทุกพระองค์ ให้ทรงพระเจริญด้วยพิพิธพรชัย ทรงพระเกษมสำราญ ปราศจากโรคาพาธและอุปัทวันตรายใดๆ ให้พระเกียรติคุณแผ่ไพศาล สถิตเป็นมิ่งขวัญร่มเกล้าปวงข้าพระพุทธเจ้า และเหล่าพสกนิกรชาวไทย ตราบจิรัฐิติกาลเทอญ
พระพุทธเจ้าข้าขอรับ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ"
จากนั้นนำกำลังพลสวนสนาม ทหาร-ตำรวจ กล่าวคำปฏิญาณตนความว่า
" ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า ขอถวายคำสัตย์ปฏิญาณว่า ข้าพระพุทธเจ้าจักยอมตาย เพื่อเทิดทูนและรักษาไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพ แห่งพระมหากษัตริย์เจ้า ข้าพระพุทธเจ้า จักจงรักภักดีและถวายความปลอดภัยต่อใต้ฝ้าละอองธุลีพระบาทตราบชีวิตจะหาไม่ ข้าพระพุทธเจ้า จักพิทักษ์รักษาไว้ ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ข้าพระพุทธเจ้า จักดูแล ช่วยเหลือเป็นที่พึ่งของประชาชน และจักปกครองดูแล ผู้ใต้บังคับบัญชาด้วยความยุติธรรม ข้าพระพุทธเจ้าจักตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรมของศาสนาและจริยธรรม ข้าพระพุทธเจ้าจักรักษาคำถวายสัตย์ปฏิญาณนี้ ด้วยเกียรติยศ และเกียรติศักดิ์ของทหาร-ตำรวจ ทั้งจักปฏิบัติตน ปฏิบัติภารกิจให้เป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัย ของใต้ฝ้าละอองธุลีพระบาททุกประการตลอดไป พระพุทธเจ้าข้าขอรับด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ"
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประทับยืนรับการถวายความเคารพ และพระราชทานพระราชดำรัสตอบความ ...
" ข้าพเจ้าและพระราชินี มีความชื่นชมยิ่งนัก ที่ได้มาอยู่ในท่ามกลางเหล่าทหารและตำรวจ ในพิธีสวนสนามถวายสัตย์ปฏิญาณครั้งนี้ ขอขอบใจในคำอำนวยพรและไมตรีจิตของทุกๆ คน และขอสนองพรกับทั้งน้ำใจไมตรีนั้น ด้วยใจจริงเช่นกัน ประเทศชาติจะเป็นปึกแผ่นมั่นคงได้ ก็ด้วยคนไทยทุกหมู่เหล่า พร้อมเพรียงกันปฏิบัติหน้าที่ของตน โดยมีอุดมคติและจุดมุ่งหมายอย่างเดียวกัน คือประโยชน์สุขของทุกคนในชาติ ข้าพเจ้าจึงยินดีมากที่ได้เห็นความพร้อมเพรียงของทหารและตำรวจในวันนี้ ทั้งได้ฟังคำปฏิญาณแสดงความจงรักภักดีและเจตนาอันแน่วแน่ที่จะปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติและประชาชน ขอให้นายทหาร นายตำรวจทุกคน รักษาคำปฏิญาณที่ได้ให้ไว้อย่างเคร่งครัด และตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเที่ยงตรง เข้มแข็ง และเสียสละ พร้อมทั้งหมั่นศึกษาและฝึกฝนตนเองให้มีความจัดเจนคล่องแคล่วในหน้าที่ และในการปฏิบัติงานร่วมกับผู้อื่น ฝ่ายอื่นอยู่เสมอ ทุกคน ทุกฝ่ายจะได้สามารถร่วมมือร่วมใจกันสร้างสรรค์ความวัฒนาผาสุกให้แก่ประชาชนและประเทศชาติได้ตามอุดมคติที่ตั้งมั่นไว้ตลอดไป ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พร้อมทั้งอำนาจแห่งความภักดีโดยบริสุทธิ์ใจต่อบ้านเมือง จงบันดาลให้ท่านทั้งหลายประสบแต่ความสุข ความเจริญ และความสามัคคี สวัสดีมีชัยโดยทั่วกัน"
ภายหลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชดำรัสจบแล้ว กรมสวนสนามแปรขบวนเตรียมการสวนสนาม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทอดพระเนตรกำลังสวนสนามภาคอากาศ ประกอบด้วย หมู่บินปล่อยควันสสีรูปธงชาติ จำนวน 3 เครื่อง เฮลิคอปเตอรบินผ่าน 2 หมู่บิน ประกอบด้วน ฮ.บินหมู่ 6 เครื่อง และ ฮ.บินหมู่ 9 เครื่อง รวม 15 เครื่อง เครืองบินรบบินผ่าน 2 หมู่บิน ประกอบด้วย เครื่องบินรบ หมู่บิน 9 และเครื่องบินรบ หมู่บิน 10 รวม 19 เครื่อง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงยืนรับการถวายความเคารพจากกองพันสวนสนาม ที่ประกอบไปด้วย กรมเดินเท้าสวนสนาม 7 กรม 28 กองพัน โดยวงดุริยางค์บรรเลงเพลงมาร์ช 4 เหล่า อันเป็นเพลงที่นาวาตรีพยงค์ มุกดา ประพันธ์ขึ้น เพื่อเป็นการปลุกใจ และสร้างความสามัคคีระหว่างทหารเหล่าทัพต่างๆ และตำรวจ ในฐานะที่เป็นผู้ที่มีหน้าที่ปกป้องอธิปไตย และความมั่นคงของประเทศ ทั้งภายใน และภายนอกราชอาณาจักร ประกอบการเดินสวนสนาม ตามด้วยกรมวิ่งสวนสนาม จำนวน 1 กรม 4 กองพัน วงดุริยางค์บรรเลงเพลง Tiger Rag กองพันทหารม้ารักษาพระองค์ จำนวน 1 กองพัน วงดุริยางค์บรรเลงเพลง king Cotton กรมยานยนต์ จำนวน 2 กรม 6 กองพัน วงดุริยางค์บรรเลงเพลงมาร์ช 4 เหล่า
การสวนสนามเทิดพระเกียรติฯ ครั้งนี้ ถือเป็นการสวนสนามครั้งยิ่งใหญ่ต่อหน้าพระพักตร์เป็นครั้งแรกในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทหาร – ตำรวจทุกหมู่เหล่าได้ร่วมในพิธีสวนสนามถวายสัตย์ปฏิญาณโดยพร้อมเพรียงกัน เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี ความสามัคคี ความสามารถ ความเข้มแข็ง และความพร้อมเพรียงของเหล่าทัพ และเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งดำรงพระราชสถานะเป็น "องค์จอมทัพไทย" โดยเหล่าทัพได้นำยุทโธปกรณ์เกือบทุกแบบที่มีประจำการเข้าร่วม ไม่ต่างจากสวนสนามแสนยานุภาพ เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2539 ที่พระลานพระราชวังดุสิต ในงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
ทั้งนี้ การจัดกำลังสวนสนามแบ่งออกเป็นกำลังภาคพื้น 10 กรมสวนสนาม 39 กองพัน จำนวน 6,812 นาย ประกอบด้วย และ 1 กองพันทหารม้า ประกอบด้วย 7 กรมสวนสนามเดินเท้า (กรมละ 4 กองพัน ), 2 กรมยานยนต์สวนสนาม และ 1 กองพันทหารม้า รวมถึงกำลังทางอากาศจำนวน 37 เครื่อง ประกอบด้วยหมู่บิน AU-23 บินปล่อยควันสีรูปธงชาติ ตามด้วยหมู่บินเฮริลคอปเตอร์ 4 เหล่าทัพ โดย บินหมู่ 6 และหมู่ 9 รวมถึงหมู่เครื่องบินรบ ทำการบินหมู่ 9 และ หมู่10
สำหรับยุทโธปกรณ์ที่นำมาสวนสนามในส่วนของกองทัพบก เช่น ยานเกราะล้อยาง stryker BTR-3E1 รถถัง M60A3 ปืนใหญ่ 105 มม. ,155 มม. ปตอ. 35 มม. รถบรรทุกจรวด จรวดหลายลำกล้อง รถถัง OPLOT รถถัง VT-4 กองทัพเรือ เช่น รถสะเทินน้ำสะเทินบก AAVP ยานเกราะล้อยาง BTR-3E1 จรวด TOW ปืนใหญ่ 155 มม. กองทัพอากาศ เช่น เครื่องบิน F-5 ,F - 16, T-50 , Gripen JAS-39 และเฮริลคอปเตอร์ แบบ EC 725.
ถวายราชสักการะพระเจ้าตากสินมหาราช
โอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นแท่นทรงรับการถวายเคารพจากกองทหารเกียรติยศ และประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จ ฯ ไปยังลานพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงวางพุ่มดอกไม้ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงวางพุ่มดอกไม้ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชรมหาวัชรราชธิดา ทรงวางพุ่มดอกไม้ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะ เสร็จแล้วประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จ ฯ ไปยังอาคารประมณฑ์ผลาสินธุ์ศูนย์การทหารม้า ค่ายอดิศร ทรงลงพระปรมาภิไธย ทรงลงพระนามาภิไธย และทรงลงพระนามในสมุดเยี่ยม
จากนั้น เวลา 16.41 น. เสด็จออกจากห้องประทับรับรองพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฉลองพระองค์ชุดพระราชฐาน ประดับยศจอมทัพไทย สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชรมหาวัชรราชธิดา โดยรถยนต์พระที่นั่งเปิดประทุน ถึงลานสวนสนามศูนย์การทหารม้า ค่ายอดิศร พลโท ธรรมนูญ วิถี ผู้บังคับกองผสม ขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาสกราบบังคมทูลถวายรายงาน และกราบบังคมทูลเชิญเสด็จ ฯ ทรงตรวจพลสวนสนาม
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประทับยืนบนรถยนต์พระที่นั่งเปิดประทุน ทรงตรวจพลสวนสนาม จากกองทหาร 3 เหล่าทัพ ประกอบด้วย ทัพบก เรือ อากาศ และสํานักงานตํารวจแห่งชาติ โดยมีนายทหารราชองครักษ์ในพระองค์ฯ เป็นผู้เชิญธงชัยราชกระบี่ยุทธ และเชิญธงชัยพระครุฑพ่าห์ นำเสด็จ และมีรถผู้บังคับกองผสมและรถนายทหารชั้นผู้ใหญ่ จำนวน 6 คัน ตามเสด็จ
ขณะนั้น วงดุริยางค์บรรเลงเพลงมารช์ธงชัยเฉลิมพล เมื่อทรงตรวจพลสวนสนามเสร็จสิ้น เสด็จขึ้นพลับพลาที่ประทับ ประทับพระราชอาสน์ ณ พระที่นั่งชุมสาย พลโท กิตติ เกตุศรี เจ้ากรมสารบรรณทหาร เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้า ฯ ถวายสูจิบัตร แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พันเอกหญิง ธวัลยา ศรีเพ็ชร์พันธุ์ นายทหารประจำศูนย์รักษาความปลอดภัย เข้าเฝ้า ฯ ทลู เกล้าฯ ถวายสูจิบัตร แด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และ พันเอกหญิง หทัยภัทร ปัทมาคม ประจําสํานักงานรองเสนาธิการทหาร เข้าเฝ้าทูลถวายสูจิบัตรแด่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชรมหาวัชรราชธิดา
ต่อมา พลเอกพรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก พลเรือเอกลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พลอากาศเอกมานัต วงษ์วาทย์ ผู้บัญชาการทการอากาศ และ พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประจำแถวพลับพลาที่ประทับ พลเอกพรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เปิดกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพ จากนั้น เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายดอกไม้ธูปเทียนแพบนพลับพลา ที่ประทับ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับดอกไม้ธูปเทียนแพ
จากนั้น พลเอกพรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ถวายรายงานความเป็นมาของการจัดพิธีสวนสนาม และถวายสัตย์ปฏิญาณ กล่าวคำถวายพระพรชัยมงคล ความว่า
การนี้ พลเอกพรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้กราบบังคมทูลถวายรายงานการจัดงานว่า
" ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม
ข้าพระพุทธเจ้า พลเอก พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พร้อมด้วยผู้บัญชาการทหารทุกเหล่าทัพ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และทหาร - ตำรวจทุกนาย ล้วนมีความปลาบปลื้มและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินมาในพิธีสวนสนามถวายสัตย์ปฏิญาณของทหาร-ตำรวจ เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 และวันกองทัพไทย เป็นการบำรุงขวัญ และยังความปลื้มปิติแก่เหล่าทหาร-ตำรวจทั่วราชอาณาจักรเป็นลันพ้น
วันกองทัพไทย 18 มกราคมของทุกปี เป็นวันสำคัญทางประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช กระทำยุทธหัตถีมีชัยเหนือข้าศึก รักษาราชอาณาจักรให้ธำรงความเป็นชาติจนถึงปัจจุบัน และเนื่องในโอกาสมหามงคล ที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงรับบรมราชาภิเษก และทรงดำรงตำแหน่งจอมทัพไทย กองทัพไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงน้อมใจจัดการสวนสนามถวายสัตย์ปฏิญาณเฉพาะพระพักตร์อย่างพร้อมเพรียงทั่วประเทศ เพื่อเทิดพระเกียรติ และแสดงความจงรักภักดี พร้อมทั้งแสดงถึงแสนยานุภาพ ความเป็นปึกแผ่น ในการผนึกกำลังของทหารทั้ง 3 เหล่าพัน และตำรวจ ภายใต้เบื้องพระยุคลบาทและพระบารมีของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท
นับแต่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ สืบพระบรมราชสันตติวงศ์ ได้ทรงอุทิศเวลา กำลังพระวรกาย กำลังพระปัญญา และกำลังพระราชทรัพย์ บำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อความผาสุกร่มเย็นของอาณาประชาราษฎร์ ด้วยพระปรีชาสามารถและสายพระเนตรอันกว้างไกล ทรงบ่มเพาะให้พสกนิกรมีจิตอาสา จิตแห่งความดีงาม เสียสละเวลา แรงกาย แรงสติปัญญา เพื่อสาธารณประโยชน์โดยไม่หวังผลตอบแทน ส่งผลให้คนในชาติสมัครสมานสามัคคี บ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง ยังความผาสุกร่มเย็นและมั่นคง ภายใต้ร่มพระบารมีแห่งใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ
ปวงข้าพระพุทธเจ้า ต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อม และขอพระราชทานถวายสัตย์ปฏิญาณว่า ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย จักปฏิบัติหน้าที่สนองพระมหากรุณาธิคุณอย่างเต็มกำลังความสามารถ ด้วยความจงรักภักดี ด้วยความชื่อสัตย์สุจริต ปกป้องราชอาณาจักรไทย พร้อมใจถวายชีวิตและเลือดเนื้อเป็นราชพลี และขอพระราชทานถวายพระพรชัยมงคล ขออัญเชิญอานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย พระสยามเทวาธิราช สรรพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากล ตลอดจนพระบรมเดชานุภาพแห่งสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า โปรดอภิบาลรักษาใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ ทุกพระองค์ ให้ทรงพระเจริญด้วยพิพิธพรชัย ทรงพระเกษมสำราญ ปราศจากโรคาพาธและอุปัทวันตรายใดๆ ให้พระเกียรติคุณแผ่ไพศาล สถิตเป็นมิ่งขวัญร่มเกล้าปวงข้าพระพุทธเจ้า และเหล่าพสกนิกรชาวไทย ตราบจิรัฐิติกาลเทอญ
พระพุทธเจ้าข้าขอรับ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ"
จากนั้นนำกำลังพลสวนสนาม ทหาร-ตำรวจ กล่าวคำปฏิญาณตนความว่า
" ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า ขอถวายคำสัตย์ปฏิญาณว่า ข้าพระพุทธเจ้าจักยอมตาย เพื่อเทิดทูนและรักษาไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพ แห่งพระมหากษัตริย์เจ้า ข้าพระพุทธเจ้า จักจงรักภักดีและถวายความปลอดภัยต่อใต้ฝ้าละอองธุลีพระบาทตราบชีวิตจะหาไม่ ข้าพระพุทธเจ้า จักพิทักษ์รักษาไว้ ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ข้าพระพุทธเจ้า จักดูแล ช่วยเหลือเป็นที่พึ่งของประชาชน และจักปกครองดูแล ผู้ใต้บังคับบัญชาด้วยความยุติธรรม ข้าพระพุทธเจ้าจักตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรมของศาสนาและจริยธรรม ข้าพระพุทธเจ้าจักรักษาคำถวายสัตย์ปฏิญาณนี้ ด้วยเกียรติยศ และเกียรติศักดิ์ของทหาร-ตำรวจ ทั้งจักปฏิบัติตน ปฏิบัติภารกิจให้เป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัย ของใต้ฝ้าละอองธุลีพระบาททุกประการตลอดไป พระพุทธเจ้าข้าขอรับด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ"
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประทับยืนรับการถวายความเคารพ และพระราชทานพระราชดำรัสตอบความ ...
" ข้าพเจ้าและพระราชินี มีความชื่นชมยิ่งนัก ที่ได้มาอยู่ในท่ามกลางเหล่าทหารและตำรวจ ในพิธีสวนสนามถวายสัตย์ปฏิญาณครั้งนี้ ขอขอบใจในคำอำนวยพรและไมตรีจิตของทุกๆ คน และขอสนองพรกับทั้งน้ำใจไมตรีนั้น ด้วยใจจริงเช่นกัน ประเทศชาติจะเป็นปึกแผ่นมั่นคงได้ ก็ด้วยคนไทยทุกหมู่เหล่า พร้อมเพรียงกันปฏิบัติหน้าที่ของตน โดยมีอุดมคติและจุดมุ่งหมายอย่างเดียวกัน คือประโยชน์สุขของทุกคนในชาติ ข้าพเจ้าจึงยินดีมากที่ได้เห็นความพร้อมเพรียงของทหารและตำรวจในวันนี้ ทั้งได้ฟังคำปฏิญาณแสดงความจงรักภักดีและเจตนาอันแน่วแน่ที่จะปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติและประชาชน ขอให้นายทหาร นายตำรวจทุกคน รักษาคำปฏิญาณที่ได้ให้ไว้อย่างเคร่งครัด และตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเที่ยงตรง เข้มแข็ง และเสียสละ พร้อมทั้งหมั่นศึกษาและฝึกฝนตนเองให้มีความจัดเจนคล่องแคล่วในหน้าที่ และในการปฏิบัติงานร่วมกับผู้อื่น ฝ่ายอื่นอยู่เสมอ ทุกคน ทุกฝ่ายจะได้สามารถร่วมมือร่วมใจกันสร้างสรรค์ความวัฒนาผาสุกให้แก่ประชาชนและประเทศชาติได้ตามอุดมคติที่ตั้งมั่นไว้ตลอดไป ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พร้อมทั้งอำนาจแห่งความภักดีโดยบริสุทธิ์ใจต่อบ้านเมือง จงบันดาลให้ท่านทั้งหลายประสบแต่ความสุข ความเจริญ และความสามัคคี สวัสดีมีชัยโดยทั่วกัน"
ภายหลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชดำรัสจบแล้ว กรมสวนสนามแปรขบวนเตรียมการสวนสนาม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทอดพระเนตรกำลังสวนสนามภาคอากาศ ประกอบด้วย หมู่บินปล่อยควันสสีรูปธงชาติ จำนวน 3 เครื่อง เฮลิคอปเตอรบินผ่าน 2 หมู่บิน ประกอบด้วน ฮ.บินหมู่ 6 เครื่อง และ ฮ.บินหมู่ 9 เครื่อง รวม 15 เครื่อง เครืองบินรบบินผ่าน 2 หมู่บิน ประกอบด้วย เครื่องบินรบ หมู่บิน 9 และเครื่องบินรบ หมู่บิน 10 รวม 19 เครื่อง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงยืนรับการถวายความเคารพจากกองพันสวนสนาม ที่ประกอบไปด้วย กรมเดินเท้าสวนสนาม 7 กรม 28 กองพัน โดยวงดุริยางค์บรรเลงเพลงมาร์ช 4 เหล่า อันเป็นเพลงที่นาวาตรีพยงค์ มุกดา ประพันธ์ขึ้น เพื่อเป็นการปลุกใจ และสร้างความสามัคคีระหว่างทหารเหล่าทัพต่างๆ และตำรวจ ในฐานะที่เป็นผู้ที่มีหน้าที่ปกป้องอธิปไตย และความมั่นคงของประเทศ ทั้งภายใน และภายนอกราชอาณาจักร ประกอบการเดินสวนสนาม ตามด้วยกรมวิ่งสวนสนาม จำนวน 1 กรม 4 กองพัน วงดุริยางค์บรรเลงเพลง Tiger Rag กองพันทหารม้ารักษาพระองค์ จำนวน 1 กองพัน วงดุริยางค์บรรเลงเพลง king Cotton กรมยานยนต์ จำนวน 2 กรม 6 กองพัน วงดุริยางค์บรรเลงเพลงมาร์ช 4 เหล่า
การสวนสนามเทิดพระเกียรติฯ ครั้งนี้ ถือเป็นการสวนสนามครั้งยิ่งใหญ่ต่อหน้าพระพักตร์เป็นครั้งแรกในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทหาร – ตำรวจทุกหมู่เหล่าได้ร่วมในพิธีสวนสนามถวายสัตย์ปฏิญาณโดยพร้อมเพรียงกัน เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี ความสามัคคี ความสามารถ ความเข้มแข็ง และความพร้อมเพรียงของเหล่าทัพ และเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งดำรงพระราชสถานะเป็น "องค์จอมทัพไทย" โดยเหล่าทัพได้นำยุทโธปกรณ์เกือบทุกแบบที่มีประจำการเข้าร่วม ไม่ต่างจากสวนสนามแสนยานุภาพ เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2539 ที่พระลานพระราชวังดุสิต ในงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
ทั้งนี้ การจัดกำลังสวนสนามแบ่งออกเป็นกำลังภาคพื้น 10 กรมสวนสนาม 39 กองพัน จำนวน 6,812 นาย ประกอบด้วย และ 1 กองพันทหารม้า ประกอบด้วย 7 กรมสวนสนามเดินเท้า (กรมละ 4 กองพัน ), 2 กรมยานยนต์สวนสนาม และ 1 กองพันทหารม้า รวมถึงกำลังทางอากาศจำนวน 37 เครื่อง ประกอบด้วยหมู่บิน AU-23 บินปล่อยควันสีรูปธงชาติ ตามด้วยหมู่บินเฮริลคอปเตอร์ 4 เหล่าทัพ โดย บินหมู่ 6 และหมู่ 9 รวมถึงหมู่เครื่องบินรบ ทำการบินหมู่ 9 และ หมู่10
สำหรับยุทโธปกรณ์ที่นำมาสวนสนามในส่วนของกองทัพบก เช่น ยานเกราะล้อยาง stryker BTR-3E1 รถถัง M60A3 ปืนใหญ่ 105 มม. ,155 มม. ปตอ. 35 มม. รถบรรทุกจรวด จรวดหลายลำกล้อง รถถัง OPLOT รถถัง VT-4 กองทัพเรือ เช่น รถสะเทินน้ำสะเทินบก AAVP ยานเกราะล้อยาง BTR-3E1 จรวด TOW ปืนใหญ่ 155 มม. กองทัพอากาศ เช่น เครื่องบิน F-5 ,F - 16, T-50 , Gripen JAS-39 และเฮริลคอปเตอร์ แบบ EC 725.
เมื่อกำลังพลสวนสนามเสร็จแล้ว วงดุริยางค์ได้บรรเลงเพลงสดุดีจอมราชา โดยกำลังพลสวนสนามจากทุกเหล่าทัพ และผู้ร่วมในพิธีร่วมกันร้องเพลงถวาย จากนั้น ได้มีการจุดพลุเฉลิมพระเกียรติจำนวน 500 นัด
ต่อมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา เสด็จลงจากพระที่นั่งชุมสายไปยังรถยนต์พระที่นั่งเปิดประทุน เสด็จออกจากลานสวนสนามฯ ไปยังอาคารประมณฑ์ผลาสินธุ์ ศูนย์การทหารม้า ค่ายอดิศร และประทับเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง เสด็จฯ พระราชดำเนินยังพระลานพระราชวังดุสิต ระหว่างที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปยังรถพระที่นั่ง พลโท ธรรมนูญ วิถี ผู้บังคับกกองผสม กล่าวนำถวายพระพร "ทรงพระเจริญ"ดังกึกก้อง