นายปริญญา ยมะสมิต ผู้ว่าการการประปานครหลวง (กปน.) เปิดเผยว่า ตามที่ได้เกิดภาวะภัยแล้ง และน้ำในเขื่อนมีน้อย ไม่เพียงพอที่จะปล่อยมาผลักดันน้ำเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งที่ผ่านมา กปน.ได้หลีกเลี่ยงการสูบน้ำดิบ เพื่อการผลิตน้ำประปาในช่วงเวลาที่น้ำทะเลหนุนสูง อีกทั้งประสานความร่วมมือในการบริหารจัดการน้ำกับสำนักทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และกรมชลประทานมาโดยตลอด แต่เนื่องจากสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูงในปีนี้ มีความรุนแรงสูงสุดในรอบ 50 ปี จึงยังคงมีความเค็มผ่านเข้ามาในระบบ ประกอบกับระบบผลิตน้ำของ กปน.ไม่สามารถกำจัดความเค็มออกจากน้ำดิบได้ จึงส่งผลให้รสชาติของน้ำประปาในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาเปลี่ยนไปสามารถรับรู้ถึงรสชาติกร่อยเล็กน้อยในบางช่วงเวลา ซึ่งความเค็มในรูปคลอไรด์เกิน 250 มิลลิกรัมต่อลิตร หรือโซเดียมเกิน 200 มิลลิกรัมต่อลิตร มีปริมาณสูงกว่าคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกที่มีผลต่อความน่าดื่มและการยอมรับ ของผู้บริโภค โดย กปน.ขอแนะนำแนวทางการใช้น้ำประปาในช่วงภัยแล้งตามคำแนะนำของกรมอนามัยดังนี้
- ผู้ที่มีสุขภาพปกติ สามารถบริโภคน้ำประปาได้ โดยยังไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ แต่ด้วยรสชาติที่เปลี่ยนไปอาจส่งผลต่อความน่าดื่ม โดยความเค็มในรูปของโซเดียมในน้ำประปา ถือว่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับปริมาณโซเดียมในอาหารทั่วไปที่บริโภคในชีวิตประจำวัน
- การใช้น้ำประปาเพื่อปรุงอาหารในช่วงเวลานี้ ควรลดการเติมเครื่องปรุงรสให้น้อยลง
- กลุ่มเสี่ยงที่ควรหลีกเลี่ยงการบริโภค ได้แก่ ผู้ที่เป็นโรคไต โรคหัวใจ โรคความดันสูง โรคเบาหวาน โรคทางสมอง ผู้สูงอายุ และ เด็กเล็ก
ทั้งนี้ กปน.จะจัดให้บริการน้ำประปาดื่มได้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในกรณีดังกล่าว ซึ่งเป็นน้ำประปาจากโรงงานผลิตน้ำมหาสวัสดิ์ ที่รับน้ำจากเขื่อนแม่กลองและไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำเค็ม สามารถนำภาชนะมารับน้ำประปาดื่มได้ที่สำนักงานประปาสาขาใกล้บ้านท่านทั้ง 18 สาขา เริ่มตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม 2563 โดยไม่มีค่าใช้จ่าย