เมื่อเวลา 10.30 น. นายศรีสุวรรณ จรรยา พร้อมชาวบ้านจำนวน 80 คน เดินทางไปยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล เรื่อง ขอให้ใช้อำนาจตาม พ.ร.บ ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และที่แก้ไขเพิ่มเติมในการสั่งการให้เจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องระงับหรือยับยั้งการให้ใบอนุญาตก่อสร้าง และใบอนุญาตการประกอบกิจการโรงงานพลาสติกของ บริษัท ซิกม่าพลาสติกเอเชีย จำกัด ในพื้นที่หมู่ 3 ตำบลท่าข้าม อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา และระงับการส่งเสริมหรือให้ใช้สิทธิ์พิเศษด้วยประการใดๆ เนื่องจากบริษัทหลอมพลาสติกดังกล่าวได้จัดซื้อและครอบครองและถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินบริเวณดังกล่าว ซึ่งติดกับชุมชนซอยเทศบาลท่าข้าม 2 และ 3 เพื่อก่อสร้างโรงงานหลอมพลาสติกขึ้นในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของประชาชน และแวดล้อมไปด้วยชุมชน อีกทั้งชาวบ้านในพื้นที่ไม่เห็นชอบด้วย และไม่อาจจะมีวิถีชีวิตที่อยู่ร่วมกับโรงงานที่อาจก่อมลพิษได้ จึงได้รวมตัวกันประท้วงผู้ประกอบการดังกล่าวมาหลายครั้งแล้ว แต่โรงงานก็ยังเดินหน้าถมที่ดินและดำเนินการเพื่อขอใบรับอนุญาตการจัดตั้งและประกอบกิจการเกี่ยวกับพลาสติกต่อไป โดยไม่ได้สนใจในเรื่องความเดือดร้อนดังกล่าว
ทั้งนี้ โรงงานหลอมพลาสติกประเภทดังกล่าว ตามหลักวิชาการแล้ว จะก่อมลพิษกลิ่นเหม็นแพร่กระจายในชุมชนตลอดเวลาที่เดินเครื่องจักร โดยเฉพาะช่วงเวลากลางคืน ซึ่งสารพิษพลาสติกดังกล่าวเป็นสารก่อมะเร็ง ซึ่งเป็นอันตรายต่อเด็ก สตรีมีครรภ์ และคนชรา ซึ่งโรงงานดังกล่าวประเภทนี้ควรไปตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม และควรตั้งอยู่ห่างไกลจากชุมชนจึงจะเหมาะสม ไม่ใช่มาตั้งใกล้ชิดกับชุมชนเช่นนี้ ดังนั้น กลุ่มฯ จึงได้รวมตัวกันใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 43 ในการเข้าชื่อกันเพื่อเสนอแนะไปยังนายกรัฐมนตรี เพื่อใช้อำนาจตาม พ.ร.บ. ดังกล่าว โดยขอให้ระงับยับยั้งการให้ใบอนุญาตก่อสร้าง และใบอนุญาตการประกอบกิจการโรงงานพลาสติกของบริษัทหลอมพลาสติกดังกล่าว เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ และไม่เป็นการขัดต่อนโยบายรัฐบาลและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่กำลังรณรงค์ลดการใช้พลาสติกอย่างจริงจัง เพราะหากโรงงานประเภทนี้เกิดขึ้นได้ จะเป็นการย้อนแย้งต่อนโยบายของรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภาที่ผ่านมานั้นเอง
ทั้งนี้ ทางกลุ่มฯ ได้ยื่นหนังสือดังกล่าวโดยมีนายสมพาส นิลพันธ์ ที่ปรึกษาพิเศษสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับหนังสือดังกล่าวไว้เพื่อนำเรียนนายกรัฐมนตรีให้ทราบต่อไป