พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวเปิดการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 35 แบบเต็มคณะ ซึ่งมีผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศเข้าร่วม โดยระบุว่า การประชุมนี้เกิดขึ้นเพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองวิสัยทัศน์ร่วมกัน ตลอดจนติดตามการดำเนินการเพื่อกำหนดเป้าหมายและทิศทางของอาเซียนร่วมกัน
โดยหลังการประชุมอาเซียนครั้งที่ 34 ที่ผ่านมา ไทยได้นำผลประชุมของสมาชิกไปเข้าสู่การประชุมกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ และประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ หรือ G20 ที่นครโอชากา ประเทศญี่ปุ่น โดยได้นำเสนอประเด็นความร่วมมือที่สำคัญ 4 ด้าน ระหว่างอาเซียนกับประเทศสมาชิกจี 20 เพื่อต่อยอด เกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม ประกอบด้วยการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ การเข้าถึงแหล่งเงินทุน การพัฒนาทุนมนุษย์ และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม รวมถึงการแก้ไขปัญหาขยะทะเล
นอกจากนั้น ยังได้นำประเด็นความร่วมมือที่ส่งเสริมความยั่งยืนในมิติต่าง ๆ ไปหารือต่อในเวทีสมัชชาสหประชาติ และได้เป็นตัวแทนอาเซียนในการประชุมผู้นำว่าด้วยการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ (Climate Action Summit) การประชุมระดับผู้นำว่าด้วยเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG Summit) พร้อมย้ำความมุ่งมั่นของอาเซียนในการร่วมมือทำงานกับประชาคมโลก เพื่อความยั่งยืนและรับมือกับความท้าทายต่างๆที่มีผลกระทบต่อมนุษยชาติ
ทั้งนี้ การดำเนินการต่างๆ นี้ก็เพื่อสนับสนุนประชาคมอาเซียนที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังและมองไปข้างหน้า เพื่อบรรลุเป้าหมายนี้เราให้ความสำคัญกับการสร้างความเป็นหุ้นส่วนกับภาคีภายนอกและองค์กรต่าง ๆ เพราะอาเซียนไม่สามารถดำเนินการได้โดยลำพัง เราเชื่อว่าความเป็นหุ้นส่วนและมิตรภาพกับภาคีภายนอกเป็นเครื่องมือสำคัญช่วยให้ประชาคมอาเซียน ได้บรรลุผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา ได้ฝากความปราถนาดีมายังผู้นำอาเซียน และขอให้การประชุมครั้งนี้ประสบผลสำเร็จด้วย