xs
xsm
sm
md
lg

"เชาว์"แนะ"บิ๊กตู่"แสดงภาวะผู้นำจัดการ 3 สารพิษ ซัดอย่าทำทองไม่รู้ร้อนเอาหูไปนาเอาตาไปไร่

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายเชาว์ มีขวด ทนายอาสา อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก Chao Meekhuad หัวข้อ“เลิกใช้ 3 สารพิษอันตราย “ทุกอย่างสงบ จบที่ลุงตู่”ระบุว่า การเรียกร้องให้ยกเลิกใช้สารเคมี 3 ชนิด คือพาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซตกลายเป็นปัญหาที่ถกเถียงกันไม่รู้จักจบสิ้น ทั้งๆ ที่มีข้อมูลบ่งชี้ชัดว่าเป็นอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมไม่มีประเทศไหนในโลกเขาใช้กันแล้วแม้แต่ประเทศผู้ผลิตเองก็ห้ามใช้มีแต่ประเทศไทย ซึ่งมีพื้นที่ทำการเกษตรอันดับ 48 ของโลกแต่เป็นผู้ใช้สารพิษอยู่ในอันดับ 4-5 ของโลก

เรื่องนี้ไม่ใช่พึ่งมาพูดกันในตอนนี้ คณะกรรมการขับเคลื่อนปัญหาการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชที่มีความเสี่ยงสูงซึ่งประกอบด้วย กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ เคยมีมติให้ยกเลิกการใช้สารเคมี 3 ชนิดนี้ไปตั้งแต่เดือนเมษายน 2560 แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ยอมทำตาม

จนกระทั่งมีการร้องเรียนไปที่ผู้ตรวจการแผ่นดินหลายครั้ง ผู้ตรวจการแผ่นดินก็เคยมีมติให้กรมวิชาการเกษตรยกเลิกการใช้สารเคมีทั้ง 3 ชนิดภายใน 1 ปี พร้อมทั้งส่งความเห็นไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมทั้งนายกรัฐมนตรีและครม.รับทราบถึงกรณีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ยอมปฏิบัติตามข้อเสนอของผู้ตรวจการแผ่นดิน
ที่ซ้ำร้ายไปกว่านั้น คณะกรรมการวัตถุอันตรายกลับมีมติยืนยันมติเดิมไม่ฟังข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดินอีกด้วย ทำให้ต่อมาเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2562 ผู้ตรวจการแผ่นดินได้มีมติซ้ำอีกครั้งโดยกำหนดเวลา 60 วันให้คณะกรรมการวัตถุอันตรายยกเลิกการใช้ภายในกรอบเวลาที่ชัดเจน แต่แล้วก็ไม่มีใครฟังเสียงหรือปฏิบัติตามมติผู้ตรวจการแผ่นดิน จนกระทั่งเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2562 ที่ผ่านมาผู้ตรวจการแผ่นดินจึงได้ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีให้นำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี สั่งการให้กระทรวงอุตสาหกรรมออกประกาศเพื่อปรับระดับการควบคุมพาราควอตให้เป็นวัตถุอันตราชนิดที่ 4 มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป แต่แล้วเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2562 คล้อยหลังมติผู้ตรวจการเพียง 5 วันคณะกรรมการวัตถุอันตรายไม่ทราบได้ยาดีมาจากไหนยังดันทุรังมีมติย้ำอีกครั้งว่าจะยกเลิกสารเคมีทั้ง 3 ชนิดก็ต่อเมื่อมีสารอย่างอื่นมาทดแทนโดยขอขยายเวลาดำเนินการออกไป 60 วัน

การโยนลูกกันไปมาระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยไม่ฟังเสียงคำแนะนำ หรือมติของผู้ตรวจการแผ่นดินลุกลามไปถึงการนำเอาประเด็นนี้มาโจมตีใส่ร้ายป้ายสีตีกินทางการเมืองว่าเกิดจากพรรคการเมืองนี้รัฐมนตรีคนนั้นทำท่าจะบานปลาย ประชาชนตาดำๆ เกิดความสับสนว่าสุดท้ายจะจบอย่างไร ทั้งๆ ที่ปัญหามิใช่พึ่งเกิดแต่มีมานานแล้วตั้งแต่ยุค คสช. ที่นายกลุงตู่เป็นนายกรัฐมนตรี มี ม.44 อยู่ในมือ ทั้งมีข้อมูลข้อเท็จจริงบ่งชี้ชัดแล้วว่า 3 สารพิษเป็นอันตรายต่อสุขภาพของคน และสิ่งแวดล้อมไม่มีประเทศไหนในโลกเขาใช้กันแล้วแม้แต่ประเทศผู้ผลิตเองก็ตาม แต่นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้นำรัฐบาลทำเป็นทองไม่รู้ร้อนเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ไม่เคยลงมาจัดการแก้ไขปัญหาว่าจะเอาอย่างไรลอยตัวเหนือปัญหาปล่อยให้หน่วยงานทะเลาะกันไปวันๆ แสดงให้เห็นถึงความต่ำเตี้ยของภาวะความเป็นผู้นำในการตัดสินใจเชิงนโยบาย จนชาวบ้านคิดไปต่างๆนานาว่าเรื่องนี้มีผลประโยชน์ของกลุ่มทุนนำเข้าสารพิษมาเกี่ยวข้อง จึงเรียกร้องให้นายกประยุทธ์รีบจัดการแก้ไขปัญหาโดยเร็ว ไหนว่าทุกความสงบจะจบที่ลุงตู่ หรือที่แท้เป็นเพียงวาทกรรมที่เขียนเสือให้วัวกลัวเท่านั้น