นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กรณีเข้ารับตำแหน่งที่ผ่านมานั้น
สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยได้ทยอยตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของ ส.ส. ต่างๆ พบข้อสงสัยในบัญชีทรัพย์สินของนายพิเชษฐ สถิรชวาล หัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย ซึ่งได้ยื่นแจ้งบัญชีต่อ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2562 นั้น อาจไม่ตรงกับข้อเท็จจริงหลายประการ โดยเฉพาะการเป็นกรรมการหรือถือหุ้นในบริษัทที่ยังไม่ได้ชำระบัญชีและหรือยังไม่ได้จดทะเบียนยกเลิกบริษัทไม่ครบถ้วนตามหลักฐานที่ปรากฏ ซึ่งนายพิเชษฐ รายงานว่าถือหุ้นในบริษัทร้างจำนวน 5 บริษัท แต่ข้อเท็จจริงจากข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่านายพิเชษฐ ถือหุ้นในบริษัทต่าง ๆ ถึง 7 บริษัท รวมทั้งไม่ปรากฏว่ามีการแจ้งว่ามีบัตรเครดิตหรือการเบิกเงินเกินบัญชีตามแบบหรือหลักเกณฑ์ที่ ป.ป.ช. กำหนดด้วย
ทั้งนี้ ตามมาตรา 114 ของ พ.ร.ป.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 บัญญัติไว้ชัดเจนว่า เมื่อปรากฏว่าผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ผู้ใดจงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน หรือจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินหรือหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น ป.ป.ช. อาจเสนอเรื่องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองเพื่อวินิจฉัย ซึ่งอาจมีความผิดตามมาตรา 167 ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ ซึ่งอาจมีผลต่อการดำรงตำแหน่ง ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 101 ได้ในที่สุด
โดยสมาคมฯ จะเดินทางไปยื่นคำร้องให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบ ในวันพฤหัสที่ 3 ตุลาคม 2562 เวลา 10.30 น. ณ สำนักงาน ป.ป.ช. ถนนสนามบินน้ำ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี