กรมทางหลวงชนบท (ทช.) โดยสำนักบำรุงทาง รายงานประจำวันที่ 4 ก.ย.62 มีถนนทางหลวงชนบทประสบอุทกภัย 21 จังหวัด ซึ่งได้รับผลกระทบ จำนวน 134 สายทาง รถสามารถสัญจรผ่านได้ 99 สายทาง และสายทางที่ยังมีระดับน้ำท่วมสูงไม่สามารถสัญจรผ่านได้ 35 สายทาง โดยมีรายละเอียดดังนี้
- จังหวัดเชียงใหม่ 3 สายทาง (สามารถสัญจรผ่านได้)
- จังหวัดพิจิตร 8 สายทาง (สามารถสัญจรผ่านได้)
- จังหวัดพิษณุโลก 2 สายทาง (สามารถสัญจรผ่านได้)
- จังหวัดแม่ฮ่องสอน 8 สายทาง (สามารถสัญจรผ่านได้)
- จังหวัดเพชรบูรณ์ 2 สายทาง (สามารถสัญจรผ่านได้)
- จังหวัดกำแพงเพชร 1 สายทาง (สามารถสัญจรผ่านได้)
- จังหวัดสุโขทัย 1 สายทาง (สามารถสัญจรผ่านได้)
- จังหวัดนครสวรรค์ 1 สายทาง (สามารถสัญจรผ่านได้)
- จังหวัดขอนแก่น 2 สายทาง (สามารถสัญจรผ่านได้)
- จังหวัดร้อยเอ็ด 20 สายทาง (สามารถสัญจรผ่านได้ 15 สายทาง , ไม่สามารถสัญจรผ่านได้ 5 สายทาง)
- จังหวัดมหาสารคาม 9 สายทาง (สามารถสัญจรผ่านได้ 7 สายทาง, ไม่สามารถสัญจรผ่านได้ 2 สายทาง)
- จังหวัดอุบลราชธานี 14 สายทาง (สามารถสัญจรผ่านได้ 4 สายทาง, ไม่สามารถสัญจรผ่านได้ 10 สายทาง)
- จังหวัดอำนาจเจริญ 8 สายทาง (สามารถสัญจรผ่านได้ 2 สายทาง, ไม่สามารถสัญจรผ่านได้ 6 สายทาง)
- จังหวัดยโสธร 10 สายทาง (สามารถสัญจรผ่านได้ 4 สายทาง, ไม่สามารถสัญจรผ่านได้ 6 สายทาง)
- จังหวัดมุกดาหาร 10 สายทาง (สามารถสัญจรผ่านได้ 4 สายทาง,ไม่สามารถสัญจรผ่านได้ 6 สายทาง)
- จังหวัดกาฬสินธุ์ 16 สายทาง (สามารถสัญจรผ่านได้)
- จังหวัดนครพนม 4 สายทาง (สามารถสัญจรผ่านได้)
- จังหวัดสกลนคร 4 สายทาง (สามารถสัญจรผ่านได้)
- จังหวัดสระแก้ว 7 สายทาง (สามารถสัญจรผ่านได้)
- จังหวัดระนอง 2 สายทาง (สามารถสัญจรผ่านได้)
- จังหวัดพังงา 2 สายทาง (สามารถสัญจรผ่านได้)
ทั้งนี้ หน่วยงานในพื้นที่ได้ติดตั้งป้ายเตือน ป้ายแนะนำเส้นทางเลี่ยง พร้อมนำเครื่องจักรเข้าดำเนินการจัดการสิ่งกีดขวางบนถนนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเพื่ออำนวยความสะดวกเรียบร้อยแล้ว และในกรณีถนนขาดเมื่อน้ำลดจะรีบดำเนินการเชื่อมทางทันที เพื่อให้ประชาชนสัญจรได้โดยเร็วที่สุดต่อไป ทั้งนี้ ประชาชนสามารถแจ้งเหตุอุทกภัยได้ที่สายด่วนกรมทางหลวงชนบท 1146 ตลอด 24 ชั่วโมง