นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ระบุว่ายังไม่มีแนวคิดในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า ถือเป็นสิทธิของพรรคพลังประชารัฐที่จะพูด แต่ต้องให้ความเคารพประชาชน ความหมายของคำว่านโยบายเร่งด่วน พรรคพลังประชารัฐจะตีความเป็นอื่นได้อย่างไร การที่พรรคฝ่ายค้านเสนอญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 และเชิญพรรคร่วมรัฐบาลมามีส่วนร่วม เพราะแม้แต่ในนโยบายของรัฐบาลที่เสนอต่อรัฐสภาในข้อ 12 ก็ระบุว่าจะศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โอกาสนี้ควรมาร่วมมือกันดำเนินการ หรือที่ไม่มาร่วมและยังไม่เห็นความจำเป็น เพราะตัวเองได้ประโยชน์จากรัฐธรรมนูญฉบับนี้
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้พรรคพลังประชารัฐระบุตลอดว่ารัฐธรรมนูญออกแบบมาเพื่อพรรคพลังประชารัฐ หลายนโยบายตอนหาเสียงบอกว่าทำทันที แต่เมื่อได้เป็นรัฐบาลกลับมีเงื่อนไข ไม่สามารถทำได้ทันที และไม่จัดเป็นเรื่องเร่งด่วน พรรคเพื่อไทยกำลังให้ฝ่ายกฎหมายรวบรวมและตรวจสอบ หากพบว่านโยบายใดที่แถลงไว้แล้วไม่ดำเนินการ จะยื่นเรื่องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณาว่าเข้าข่ายเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมายหรือไม่ เช่น นโยบายเงินเดือนปริญญาตรีเริ่มต้น 20,000 บาท เงินเดือนอาชีวะเริ่มต้น 18,000 บาท ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400-425 บาทต่อวัน ลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาร้อยละ 10 ปลดหนี้นอกระบผู้ใช้แรงงาน 10 ล้านราย ที่มีรายได้ไม่เกินเดือนละ 15,000 บาท ให้เข้าสู่ในระบบ นโยบายมารดาประชารัฐ ตั้งครรภ์รับเงิน 3,000 บาทต่อเดือน เงินทำคลอด 10,000 บาท ช่วยค่าเลี้ยงดูบุตรตั้งแต่แรกเกิดถึง 6 ขวบ 2,000 บาทต่อเดือน
ทั้งนี้ ประชาชนจะได้เห็นจุดยืนว่าพรรคใดพูดแล้วทำ พรรคใดพันธสัญญาที่ให้ไว้ตอนหาเสียงเป็นเพียงสัญญาปากเปล่า ป้ายหาเสียงที่ติดทั่วเมือง กลายเป็นของแสลงต้องห้ามนำมาแสดงในสภาฯ เพราะเกรงว่าประชาชนจะเข้าใจว่าพูดแล้วไม่ทำหรือไม่ ซึ่งพรรคพลังประชารัฐต้องไปตอบคำถามนี้ต่อสังคมเอง