พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยว่า การลงพื้นที่โครงการสถานีกลางบางซื่อวันนี้ เพื่อติดตามแผนงานโครงการฯ ขอบเขตการก่อสร้าง รวมถึงสถาพของการจราจรโดยรอบบนถนนของพื้นที่ก่อสร้าง เส้นทางเข้า-ออกที่ส่งผลต่อการเดินทางของประชาชน โดยเฉพาะช่วงวันหยุดยาวที่มีปัญหาการจราจรคับคั่ง โดยเฉพาะพื้นที่ทางด่วน ซึ่งได้รับการร้องเรียนจำนวนมาก เบื้องต้นทราบว่าสถานีกลางบางซื่อจะเปิดให้บริการต้นปี 2564 หรือเป็นระยะเวลา 18 เดือนนับจากนี้ จึงต้องการทราบว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) มีแผนจัดการจราจรอย่างไรบ้างก่อนเปิดให้บริการ ซึ่งได้มอบหมายให้ทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาแผนการแก้ปัญหาจราจรและการระบายปริมาณรถให้เสร็จภายใน 90 วัน
อย่างไรก็ตาม มีความเป็นห่วงเรื่องของถนนที่จะระบายปริมาณจราจรออกจากถนนบางซื่อ ไปสู่ถนนเทอดดำริ ถนนวิภาวดี เนื่องจากถนนโดยรอบโครงการมีขนาด 2 ช่องจราจร ระบายรถได้น้อย ดังนั้น จึงมอบหมายให้ รฟท. การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) หาแนวทางระบายปริมาณรถสู่ทางด่วนให้ได้มากที่สุด ซึ่งจากประมาณการ คาดว่าปี 2565 จะมีผู้โดยสารนำรถยนต์ส่วนตัวมาใช้บริการสถานีกลางบางซื่อจำนวนมาก และผู้โดยสารมาใช้บริการ 650,000 คนต่อวัน ทำให้การจราจรแออัด จึงต้องมีการเตรียมแผนรองรับไว้ล่วงหน้า
ขณะที่นายวรวุฒิ มาลา รักษาการผู้ว่าการ รฟท. เปิดเผยถึงแผนการลงทุนในพื้นที่สถานีกลางบางซื่อ ว่า ในส่วนของการลงทุนเชิงพาณิชย์ภายในพื้นที่สถานีในส่วนนี้ การรถไฟฯ มั่นใจว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุน เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีประชาชนสัญจรอย่างคึกคักในแต่ละวัน ส่วนพื้นที่โดยรอบค่อนข้างเป็นพื้นที่ใหญ่และมีกิจกรรมแต่ละวันน้อย การรถไฟฯ อยู่ระหว่างการปรับทีโออาร์ เพื่อให้เกิดความน่าสนใจและดึงดูดนักลงทุนเข้ามาลงทุนในพื้นที่มากขึ้น