นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมการค้าภายในได้จัดเตรียมและจัดทำรายละเอียดแนวทางโครงการประกันรายได้ต่อเกษตรกรเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อเตรียมนำเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์คนใหม่ไว้พิจารณา โดยเฉพาะพืชเศรษฐกิจ 4 ชนิดสำคัญของประเทศ ที่กระทรวงพาณิชย์กำกับดูแล เช่น ข้าวเปลือก ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปาล์มน้ำมัน และมันสำปะหลัง หากรัฐบาลชุดใหม่จะนำโครงการประกันรายได้มาใช้จริงจะได้นำแผนโครงการที่กรมการค้าภายในจัดทำไว้ไปดำเนินการได้ทันทีตามนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่เป็นหลัก
ทั้งนี้ แนวทางจะใช้หลักการประกันรายได้นั้น กรมการค้าภายในจะยึดวิธีการที่เคยใช้ในอดีต เช่น คำนวณราคากลาง หรือราคาอ้างอิง เพื่อใช้คำนวณจำนวนเงินที่รัฐจะชดเชยรายได้ให้เกษตรกร การลงทะเบียนเกษตรกร เพื่อยืนยันความมีตัวตน รวมถึงใช้หลักการประกอบคำนวณ เช่น กำหนดพื้นที่ หรือปริมาณสินค้าเกษตรของเกษตรกรแต่ละรายควรช่วยเหลืออย่างไร หรือเน้นเฉพาะรายย่อย เพื่อให้ครอบคลุมเกษตรกรมากที่สุดและใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า ไม่กระทบต่องบประมาณภาครัฐสูงเกินไป โดยแนวทางเดิมที่เคยใช้ในอดีต เช่น ข้าวเคยกำหนดพื้นที่ไว้ 15-30 ไร่ต่อราย ส่วนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ กำหนดพื้นที่ไม่เกิน 20 ไร่ต่อราย หรือไม่เกิน 15 ตันต่อไร่ มันสำปะหลัง ไม่เกิน 100 ตันต่อราย ขณะที่ปาล์มน้ำมันที่ผ่านมา รัฐบาลยังไม่เคยประกันรายได้ จึงยังไม่ชัดเจนว่าจะกำหนดพื้นที่หรือปริมาณผลผลิตท่าไร
อย่างไรก็ตาม จำนวนพื้นที่และปริมาณสินค้าเกษตรที่จะช่วยเหลือเกษตรกรแต่ละรายดังกล่าว เป็นเพียงข้อเสนอเบื้องต้นของกรมการค้าภายใน ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามนโยบายของรัฐบาล รวมถึงแนวทางการดำเนินโครงการอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามนโยบายของรัฐบาลเช่นกัน และขณะนี้สินค้าเกษตรบางรายการยังไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการพยุงราคา หรือการประกันรายได้ เพราะราคาตลาดอยู่ในเกณฑ์ดี ทั้งข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกเหนียว และข้าวเปลือกหอมมะลิ เช่นเดียวกับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่ปัจจุบันกิโลกรัมละประมาณ 8 บาทกว่า แต่หากราคาลดลงรัฐคงช่วยพยุงราคา เพื่อไม่ให้เกษตรกรเดือดร้อน
ส่วนปาล์มน้ำมันยังน่าเป็นห่วงแม้ราคาขยับขึ้น โดยผลปาล์มสดกิโลกรัมละใกล้เคียง 4 บาท และน้ำมันปาล์มดิบ กิโลกรัมประมาณ 20 บาทแล้ว แต่ราคายังไม่แน่นอน เพราะราคาตลาดโลกลดลง ขณะที่มันสำปะหลังเป็นห่วงเรื่องโรคใบด่างระบาด ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือกับแก้ปัญหาการระบาดอย่างเร่งด่วนแล้ว โดยทั้ง 2 รายการอาจจำเป็นต้องใช้การประกันรายได้ก่อนก็ได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐบาลใหม่ต่อไป