ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนจากทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 1,673 คน เรื่อง "อารมณ์สาธารณชนต่อการเมือง" พบว่า ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 87.2 เห็นด้วยต่อการตรวจสอบคุณสมบัติ ทั้ง ส.ส.รัฐบาล ฝ่ายค้าน และ ส.ว. ขณะที่ร้อยละ 12.8 ไม่เห็นด้วย
ที่น่าพิจารณา คือ ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 67.5 กังวลมาก ถึงมากที่สุด ต่อความขัดแย้งรุนแรงบานปลาย ร้อยละ 23.2 กังวลปานกลาง และร้อยละ 9.3 กังวลน้อย ถึง ไม่กังวลเลย นอกจากนี้ เมื่อถามถึงความเบื่อหน่ายต่อปัญหาการเมืองขณะนี้ พบว่า ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 92.4 รู้สึกเบื่อ เบื่อสุดๆ ถึง โคตรเบื่อ ต่อปัญหาการเมืองขณะนี้ ในขณะที่มีเพียงร้อยละ 7.6 รู้สึกไม่เบื่อ ถึงสนุกต่อปัญหาการเมือง
ยิ่งไปกว่านั้น ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 595 ไม่เห็นด้วยที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง ขณะที่ร้อยละ 40.5 เห็นด้วย
ที่น่าสนใจ คือ ประชาชนร้อยละ 46.9 ให้โอกาสรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แก้ปัญหาเดือดร้อนของประชาชนไม่เกิน 1 ปี ร้อยละ 30.7 ให้โอกาส 1-2 ปี ร้อยละ 8.1 ให้โอกาส 2-3 ปี ร้อยละ 11.2 ให้โอกาส 3-4 ปี และเพียงร้อยละ 3.4 เท่านั้นที่ให้โอกาส 4 ปีขึ้นไป
ผู้อำนวยการซูเปอร์โพล กล่าวว่า อารมณ์ความรู้สึกของสาธารณชนอาจพัฒนาไปสู่ความรุนแรงบานปลายที่ยากจะควบคุมได้ จากข้อมูลที่มีอยู่พบว่าปัจจัยสำคัญที่จะป้องกันปัญหานี้ คือ ความยุติธรรม ความเป็นธรรมทางการเมือง และการไม่เลือกปฏิบัติ จะช่วยลดความร้อนแรงของอารมณ์สาธารณชนลงได้ ถ้าผู้ปกครองและผู้เกี่ยวข้องเพิกเฉย ก็อาจนำไปสู่สถานการณ์ต่อสู้กันที่รุนแรงจนยากจะควบคุม ผลที่ตามมาคือ บ้านเมืองจะเสียหาย ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศจะกลายเป็นผู้แพ้ ส่วนผู้ชนะคือกลุ่มคนหยิบมือเดียวที่ชนะบนซากปรักหักพังของบ้านเมือง เพราะคนกลุ่มนี้จะได้อำนาจ ได้ผลประโยชน์จากความเสียหายของประเทศชาติและความสูญเสียของประชาชน
นอกจากนี้ ผลสำรวจยังพบด้วยว่า ประชาชนส่วนใหญ่ เกือบร้อยละ 90 เห็นด้วยกับการตรวจสอบคุณสมบัติของ ส.ส. และ ส.ว. จึงเห็นได้ว่า อะไรที่ดีย่อมมีประชาชนสนับสนุนเป็นส่วนใหญ่ คนไทยทั้งประเทศอยากเห็นบ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้อย่างดี บนความถูกต้อง เป็นธรรม จึงเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา บริหารจัดการ สแกนกองกำลัง 500 ส.ส. เสมือนกองทัพ ส.ส. ใครดี มีวินัย มีความสามารถ ก็สนับสนุนให้เติบโตก้าวหน้า ดูแลผลประโยชน์ชาติ ตามลำดับชั้นที่น่าวางใจ โดยไม่ต้องดูว่าสังกัดพรรคการเมืองใด ใครมีปัญหาก็จัดการด้วยกลไกกระบวนการยุติธรรม เพียงเท่านี้ก็น่าจะควบคุมปัญหาการเมืองได้ ขอเพียงว่าหัวแถว หัวตอน และคนแวดล้อมของนายกรัฐมนตรี เป็นคนดีจริง ประชาชนส่วนใหญ่ย่อมสนับสนุน