นายศุภชัย มโนการ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์อยู่ที่ 126.98 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 13.23 จากปริมาณเก็บกักสูงสุด 960 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งถือว่าน้อยที่สุดในรอบหลายปี จึงจำเป็นต้องมีการปรับลดการระบายน้ำลงสู่ท้ายเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ อยู่ที่ 20 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หรือวันละ 1.77 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน เพื่อการอุปโภคบริโภคและรักษาระบบนิเวศ
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนและเกษตรกรพื้นที่ท้ายเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์คือที่ อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี รวมถึง จ.สระบุรี, จ.พระนครศรีอยุธยา วางแผนการเพาะปลูกและใช้น้ำให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เพื่อลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนและเกษตรกรพื้นที่ท้ายเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์คือที่ อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี รวมถึง จ.สระบุรี, จ.พระนครศรีอยุธยา วางแผนการเพาะปลูกและใช้น้ำให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เพื่อลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น