xs
xsm
sm
md
lg

เลขาฯ พรรคอนาคตใหม่แถลงจวก กกต.ทำผิด 3 ประเด็น

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ แถลงวันนี้ (30 เม.ย.) ว่า ความผิดพลาดในการทำงานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มี 3 ประเด็น คือ 1.การคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. แถลงเหมือนจะใช้สูตรคิด ส.ส.บัญชีรายชื่อแบบ 27 พรรค ก่อนจะประกาศรับรองผลร้อยละ 95 วันที่ 9 พฤษภาคมนี้ หากคิดแบบนี้ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ จะหายไป 7-8 ที่นั่ง คิดเป็น 6 แสนกว่าคะแนน ที่ประชาชนนเลือกอนาคตใหม่จะอยู่ในฐานะผู้มีส่วนได้เสีย ซึ่งขอยืนยันว่า การคำนวณมีสูตรเดียวตามขั้นตอนที่รัฐธรรมนูญกำหนด ในมาตรา 91 (1) ให้นำคะแนนรวมแบบแบ่งเขตของทุกพรรคหารด้วย 500 คือ 71,057 คะแนน จากนั้น 91(2) นำคะแนนรวมแบบแบ่งเขตของแต่ละพรรค หาร 71,057 จะได้ ส.ส.พึงมี อนาคตใหม่จะมี ส.ส.พึงมี 88 คน ซึ่งเขียนชัดว่า จำนวน ส.ส.ต้องไม่เกินจำนวน ส.ส.พึงมี จึงต้องมี 71.057 คะแนน ถึงจะได้ ส.ส. 1 คน มีกรณีเดียวคือ 99 (4) กำหนดว่า หากพรรคไหนได้ ส.ส.แบบแบ่งเขตเกิน ส.ส.พึงมี ให้ถือว่าได้ ส.ส.จากแบบแบ่งเขต และจะไม่ได้ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อเลย ซึ่งมีพรรคเดียวเท่านั้นคือพรรคเพื่อไทย ที่ได้ ส.ส.เขต 136 มี ส.ส.พึงมี 111 เรียกโอเวอร์แฮง ก็ต้องคำนวนปัดเศษตามพรรคที่มีคะแนนตั้งแต่ 71,065 คะแนนขึ้นไป

นอกจากนี้ จะไม่ถูกคิดโดยไม่มีข้อยกเว้น ซึ่งคิดแบบนี้ อนาคตใหม่จะมีส.ส.พึงมี 88 คน ข้อโต้แย้งที่บอกว่าระบบเลือกตั้งนี้ต้องการให้ความสำคัญกับทุกคะแนน พรรคที่ได้ 30,000 - 69,000 คะแนน จะไม่ให้ความสำคัญหรือ แล้ว 600,000 กว่าคะแนนของอนาคตใหม่ที่จะหายไปนั้น ไม่สำคัญเลยหรือ ส่วนการนำความเห็นของ กรธ.มาอธิบาย แต่ กรธ.แต่ละคนอาจเห็นไม่ตรงกันก็ได้ และความเห็น กรธ.ไม่ใช่รัฐธรรมนูญ กรธ.ไม่เท่ากับรัฐธรรมนูญ เมื่อร่างเสร็จแล้ว รัฐธรรมนูญก็มีชีวิตของมัน องค์กรตามรัฐธรรมนูญต้องตีความรัฐธรรมนูญตามอำนาจหน้าที่ ไม่ใช่ถามความเห็น กรธ. ถ้าทำแบบนี้ กรธ.ก็เป็น รธน.เสียเอง ไปถามอะไรก็ต้องทำตาม กรธ.ศักดิ์สิทธิ์ไปหมด

ขอสงวนสิทธิ์ในการดำเนินคดีต่อ กกต. ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายอาญามาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ มาตรา 69 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยกกต. ที่กำหนดถึงการละเว้นของ กกต. มีโทษจำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสน หรือทั้งจำทั้งปรับ และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี และยังถือเป็นการฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง สามารถร้องยังป.ป.ช.และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ง่ายๆ คือ ช่องทางต่างๆ ที่กกต.ต้องรับผิดชอบจากการใช้อำนาจโดยมิชอบ อนาคตใหม่ขอสงวนสิทธิ์ดำเนินการตามกฎหมาย


2.การเปิดเผยคะแนนดิบรายหน่วย ตามที่อนาคตใหม่เคยส่งตัวแทนไปยื่นหนังสือต่อกกต.ขอให้เปิดเผย แต่รองเลขาธิการกกต.ได้แถลงข่าวโดยสรุปว่า คะแนนดิบไม่ได้เป็นความลับ อยู่ที่กกต.จังหวัด ใครอยากได้ให้ไปขอ ซึ่งหนึ่งเดือนหลังการเลือกตั้ง ผู้สมัครส.ส.อนาคตใหม่ได้ไปขอคะแนนดิบแล้วในทุกเขต แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้ ส่วนที่ได้ก็มีปัญหา เช่น จ.นครปฐม เขต 1 จนกกต.สั่งให้นับคะแนนใหม่ จ.กรุงเทพมหานคร เขต 2 ได้คะแนนรายหน่วยมาก็พบข้อพิรุธข้อบกพร่อง ในแบบฟอร์มขีดคะแนน และใบผลคะแนนรายหน่วย เมื่อนำมาเปรียบเทียบก็พบคะแนนทั้งสองส่วนไม่ตรงกัน ทั้งหมดนี้ สะท้อนว่ามีความผิดพลาดบกพร่องในการนับคะแนน จึงต้องทราบคะแนนรายหน่วยทั้งหมด ถ้ารายแรงมากจะได้ขอให้นับใหม่เลือกตั้งใหม่ หากไม่ได้คะแนนรายหน่วยจะทำตรวจสอบไม่ได้

และ 3.กระบวนพิจารณาการถือหุ้น บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ของนายธนาธร จึงรุ่งเรือองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่มีการชี้แจงหลักฐานโดยละเอียด แต่ต่อให้เปิดเผยแค่ไหน ระบบการพิสูจน์ ก็เหมือนกับในยุคกลางแบบจารีตนครบาลหรือไม่

ทั้งนี้ การให้เวลาชี้แจงเพียง 7 วันถือว่าสั้น แล้วยังไม่ได้บอกข้อเท็จจริงอีก เมื่อไปดูเทียบเคียงคดีพรรคอื่นพบว่า ทำไมจึงช้า เช่น การร้องเรียนตรวจสอบการจัดโต๊ะจีนระดมทุน ทั้งยังไม่รู้ว่าจะต้องชี้แจงตรงไหนบ้าง ส่งการบ้านโดยไม่บอกโจทย์อะไรเลย และขอย้ำว่า กกต. ไม่มีอำนาจในการตรวสจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามนายธนาธร ในเวลานี้ โดยมีอำนาจตรวจสอบในวันที่สมัคร และก่อนวันเลือกตั้ง ระฆังหมดยกคือวันที 23 มีนาคม ที่ผ่านมา พอหลังเลือกตั้ง แต่ยังไม่ประกาศผล ระหว่างนี้การตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม ทำได้เฉพาะผู้สมัครส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ตามที่มาตรา 53 ของพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.กำหนดไว้เท่านั้น ที่กำหนดต่างกัน เพราะ ส.ส.แบบแบ่งเขต คะแนนที่ได้จะส่งผลต่อคะแนนของบัญชีรายชื่อ จึงให้ตรวจได้อีกครั้ง แต่ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อนั่งเฉยๆรอดูผลคะแนนแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง หากจะตรวจคุณสมบัติ ต้องรอรับรองผล ส.ส.ก่อน โดยต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

เมื่อถามถึงกรณีที่ นายภูเบศวร์ เห็นหลอด ผู้สมัคร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ จ.สกลนคร เขต 2 ถูกศาลชี้ไม่สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง นายปิยบุตร กล่าวว่า ไม่เห็นดัวยกับคำพิพากษา ทำให้เห็นว่ามีปัญหาเรื่องบริคณห์สนธิ เพราะในความเป็นจริงบริษัทของนายภูเบศวร์ทำรับเหมาก่อสร้าง แต่มีข้อหนึ่งเขียนถึงสื่อ ก็ถูกนักร้องไปนั่งตามหาใบบริคณห์สนธิกัน วันๆชีวิตไม่ต้องทำอะไร ค้นข้อมูลร้องกันไปมา ประเทศนี้จะบริหารกันด้วยการค้นหาบริคณห์สนธิกันหรือ ซึ่งขอเตือนบรรดานักร้องว่าหลายเรื่องเข้าข่ายฟ้องเท็จ บางคนปิดกิจการไปแล้ว บางคนตายไปแล้ว บางคนโอนห้นไปแล้ว โดยมาตรา มาตรา 143 ของพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ใครที่กล่าวหาคนอื่นว่า ไม่มีสิทธิสมัครส.ส. ต้องโดนใบเหลือ ใบส้ม เป็นเท็จ มีโทษจำคุก 5-10 ปี ปรับ 1-2 แสนบาท และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี นักร้องที่จะกลั่นแกล้งทางการเมือง อยากบอกว่า ถ้าอยากเป็นนักร้องต้องมืออาชีพหน่อย

"เรายังกำลังใจดีใช้ชีวิตปกติ จัดกิจกรรมกันปกติ แต่กลับมีเรื่องหงุดหงิดกวนใจ แทนที่จะทำได้เรื่องสร้างสรรค์ ตอนนี้ทำท่าจะบานปลาย ต่างขุดคุ้ยกันมาอีก บ้านเมืองเราจะไม่คิดเรื่องการตั้งรัฐบาล การบริหารประเทศกันแล้วหรือ ผลการเลือกตั้งออกมาแล้ว ก็ต้องเคารพเสียงประชาชนกันบ้าง นายธนาธรจะหัวเสียก็เรื่องนี้ แทนที่จะได้ดูงาน กลับต้องคอยมาชี้แจงอีก ชี้แจงก็ไม่ฟังบอกปลอม จะต้องตรวจสอบดีเอ็นเอกันแบบจับอาชญากรเลยหรือไม่”