พล.ต.กฤษณ์ จันทรนิยม โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยถึงกรณีที่มีความเป็นห่วงว่าการปฏิวัติในประเทศซูดานจะส่งผลกระทบต่อกำลังพลกองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจไทย-เซาท์ซูดาน ที่เดินทางไปปฏิบัติภารกิจซ่อมสร้างถนนในนามองค์การสหประชาชาติเพื่อรักษาสันติภาพ ว่า พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) มีความห่วงใยต่อสถานการณ์การปฏิวัติในสาธารณรัฐซูดานที่เกิดขึ้น จึงได้สั่งการเร่งด่วนให้หน่วยที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และวิเคราะห์แนวทางการปฏิบัติที่ดีที่สุด เพื่อความปลอดภัยต่อกำลังพล กองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจไทย-เซาท์ซูดาน ที่เดินทางไปปฏิบัติภารกิจซ่อมสร้างถนนในทุกพื้นที่ของสาธารณรัฐซูดาน ภายหลังจากที่กองทัพไทยได้ส่งกำลังพลร่วมเดินทางไปปฏิบัติภารกิจรักษาสันติภาพตามคำร้องขอขององค์การสหประชาชาติ เมื่อเดือนธันวาคม 2561 และมีกำหนดการจะเดินทางไปสับเปลี่ยนกำลัง เพื่อไปปฏิบัติหน้าที่ทดแทนกำลังพลเดิมที่ครบวาระในเดือนพฤษภาคม 2562
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ดังกล่าวยังไม่ส่งผลกระทบกับการปฏิบัติภารกิจหน้าที่ของกองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจไทย-เซาท์ซูดาน แต่อย่างใด เนื่องจากอยู่ห่างจากพื้นที่ปฏิวัติกว่า 1,197 กิโลเมตร และเป็นคนละประเทศกัน เพียงแต่มีชายแดนที่ติดกันเท่านั้น โดยขณะนี้กองทัพไทยกำลังรอการประเมินสถานการณ์จากองค์การสหประชาชาติอย่างใกล้ชิดต่อไป
สำหรับกองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจไทย-เซาท์ซูดาน ไปเข้าร่วมปฏิบัติภารกิจรักษาสันติภาพ ในนามของสหประชาชาติ ที่สาธารณรัฐเซาท์ซูดาน ณ เมืองจูบา และเมืองรุมเบ็ค ทางตอนเหนือของเซาท์ซูดาน เบื้องต้นมีกำหนดปฏิบัติภารกิจผลัดแรกเป็นเวลา 1 ปี ระหว่างธันวาคม 2561– ธันวาคม 2562 โดยสหประชาชาติมอบภารกิจในการก่อสร้างและปรับปรุงเส้นทางที่เชื่อมต่อระหว่างเมืองควบคู่ไปกับการปฏิบัติการด้านรักษาสันติภาพ เบื้องต้นจะปรับปรุงเส้นทางจากเมืองจูบาไปยังเมืองโทริทระยะทาง 140 กิโลเมตร และเมืองจูบาไปเมืองเยว์ระยะทาง 160 กิโลเมตร รวมทั้งปรับปรุงเส้นทางจากเมืองรุมเบ็ค ไปยังเมืองยิรอล ระยะทาง 112 กิโลเมตร โดยกองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจฯ ประกอบด้วยกำลังจากหน่วยต่างๆ 273 นาย ได้แก่ กองทัพภาคที่ 3 กรมการทหารช่าง กรมแพทย์ทหารบก เป็นต้น โดยมี พ.ท.บุรินทร์ ธีระวัฒนวิศิษฎ์ เป็นผู้บังคับกองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจสหประชาชาติไทย/เซาท์ซูดาน