นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นางสาวพรรณิการ์ วาณิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย และแกนนำพรรคฝั่งประชาธิปไตยรวม 6 พรรค เข้ายื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อขอให้ กกต. เปิดเผยผลคะแนนและผลการเลือกตั้งให้ครบทุกเขตโดยเร็วที่สุด
นางลดาวัลลิ์ ระบุว่า การเลือกตั้งผ่านมากว่า 48 ชั่วโมง แต่ยังไม่มีการเปิดเผยผลคะแนนของแต่ละเขต มีเพียงการประกาศรายชื่อผู้ที่มีคะแนนสูงสุด ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ประชาชนเกิดความเคลือบแคลงใจ และเริ่มวิพากษ์วิจารณ์การจัดการเลือกตั้งและการทำงานของ กกต. ว่ามีความไม่โปร่งใสหรือไม่ ทั้ง 6 พรรคในหนังสือคำร้องที่นำมายื่นต่อ กกต. จึงขอให้เปิดเผยผลคะแนนทั้งหมด ทั้งในประเทศและนอกราชอาณาจักร รวมถึงให้นับรวมบัตรเลือกตั้งที่ล่าช้าจากประเทศนิวซีแลนด์ 1,542 ใบด้วย
ด้าน น.ส.พรรณิการ์ ระบุว่า หากย้อนกลับไปเมื่อปี 2554 ผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการถูกประกาศภายหลังจบการเลือกตั้งเพียง 7 ชั่วโมง แต่ครั้งนี้ กกต.ไม่มีท่าที่ใดๆ ที่จะแจ้งให้ประชาชนได้รับทราบ ตนต้องการให้ กกต. เปิดเผยจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด ผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งทั้งหมด และจำนวนบัตรเลือกตั้งทั้งหมด อันเป็นสิ่งที่ประชาชนควรจะรับรู้ และนำมาพิจารณาได้ว่าการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นนั้นโปร่งใสหรือไม่
ทั้งนี้ หาก กกต.ยังนิ่งเฉยต่อความเคลือบแคลงใจของประชาชน สุดท้ายจะกลายเป็นความไม่น่าเชื่อถือในที่สุด
นางลดาวัลลิ์ ระบุว่า การเลือกตั้งผ่านมากว่า 48 ชั่วโมง แต่ยังไม่มีการเปิดเผยผลคะแนนของแต่ละเขต มีเพียงการประกาศรายชื่อผู้ที่มีคะแนนสูงสุด ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ประชาชนเกิดความเคลือบแคลงใจ และเริ่มวิพากษ์วิจารณ์การจัดการเลือกตั้งและการทำงานของ กกต. ว่ามีความไม่โปร่งใสหรือไม่ ทั้ง 6 พรรคในหนังสือคำร้องที่นำมายื่นต่อ กกต. จึงขอให้เปิดเผยผลคะแนนทั้งหมด ทั้งในประเทศและนอกราชอาณาจักร รวมถึงให้นับรวมบัตรเลือกตั้งที่ล่าช้าจากประเทศนิวซีแลนด์ 1,542 ใบด้วย
ด้าน น.ส.พรรณิการ์ ระบุว่า หากย้อนกลับไปเมื่อปี 2554 ผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการถูกประกาศภายหลังจบการเลือกตั้งเพียง 7 ชั่วโมง แต่ครั้งนี้ กกต.ไม่มีท่าที่ใดๆ ที่จะแจ้งให้ประชาชนได้รับทราบ ตนต้องการให้ กกต. เปิดเผยจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด ผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งทั้งหมด และจำนวนบัตรเลือกตั้งทั้งหมด อันเป็นสิ่งที่ประชาชนควรจะรับรู้ และนำมาพิจารณาได้ว่าการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นนั้นโปร่งใสหรือไม่
ทั้งนี้ หาก กกต.ยังนิ่งเฉยต่อความเคลือบแคลงใจของประชาชน สุดท้ายจะกลายเป็นความไม่น่าเชื่อถือในที่สุด