xs
xsm
sm
md
lg

นาซาแถลง พบอนุภาคพ่นออกจากพื้นผิวดาวเคราะห์น้อยเบนนู

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

วันที่ 20 มีนาคม 2562 เวลาประมาณ 00.24 น. ตามเวลาประเทศไทย องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา หรือ นาซา แถลงข่าว ยานโอไซริส-เร็กซ์ ค้นพบว่า ดาวเคราะห์น้อยเบนนูพ่นอนุภาคออกจากพื้นผิวสู่อวกาศ และภาพถ่ายความละเอียดสูงยังแสดงให้เห็นสภาพพื้นผิวขรุขระ ซึ่งต่างจากที่คาดการ์ไว้มาก สร้างความท้าทายแก่ยานในการร่อนลงสัมผัสพื้นผิวเพื่อเก็บตัวอย่าง

ยานโอไซริส-เร็กซ์ (OSIRIS-REx) เป็นยานสำรวจดาวเคราะห์น้อยขององค์การนาซา ถูกส่งไปสำรวจดาวเคราะห์น้อยเบนนู (Bennu) ตั้งแต่เดือนกันยายน 2559 มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อศึกษาและเก็บตัวอย่างหินบนดาวเคราะห์น้อย และจะกลับมายังโลกภายในปี พ.ศ. 2566

ดาวเคราะห์น้อยเบนนู เป็นดาวเคราะห์น้อยประเภท C (C-type, carbonaceous asteroid) คือ ดาวเคราะห์น้อยที่มีธาตุคาร์บอนเป็นองค์ประกอบหลัก ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 492 เมตร มีวงโคจรรอบดวงอาทิตย์อยู่ระหว่างโลกและดาวอังคาร ก่อนหน้านี้ยานโอไซริส-เร็กซ์ได้ค้นพบว่าดาวเคราะห์น้อยเบนนูมีแร่ธาตุบางชนิดที่บ่งชี้ว่าบนพื้นผิวเคยมีน้ำอยู่

อย่างไรก็ตาม ดาวเคราะห์น้อยดวงนี้มีขนาดเล็กเกินกว่าที่น้ำจะคงอยู่ได้ในสภาวะของเหลว นักวิทยาศาสตร์จึงเชื่อว่า ในอดีตดาวเคราะห์น้อยเบนนูอาจเป็นดาวเคราะห์น้อยที่มีขนาดใหญ่กว่าที่เป็นอยู่

ล่าสุด การค้นพบอนุภาคที่พ่นออกมาจากพื้นผิวดาวเคราะห์น้อยเบนนูสร้างความประหลาดใจแก่นักวิทยาศาสตร์อย่างมาก ขณะนี้ทีมนักวิจัยกำลังเร่งหาสาเหตุที่แท้จริง ทั้งนี้ ไม่ได้เป็นอันตรายต่อยานสำรวจแต่อย่างใด

จากการวิเคราะห์พื้นผิวโดยรอบ พบว่าเต็มไปด้วยก้อนหินขนาดใหญ่ ทำให้ยานต้องปรับเปลี่ยนแผนการลงสัมผัสพื้นผิวเพื่อเก็บตัวอย่าง ซึ่งจะต้องอาศัยความแม่นยำที่มากขึ้นอีกด้วย

ยานโอไซริส-เร็กซ์ยังค้นพบอีกว่า คาบการหมุนรอบตัวเองของดาวเคราะห์น้อยมีการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการแผ่รังสีของดวงอาทิตย์ เรียกว่า "Yarkovsky-O'Keefe-Radzievskii-Paddack effect : YORP) ทำให้ทุกๆ 100 ปี ดาวเคราะห์น้อยจะมีคาบการหมุนรอบตัวเองลดลงประมาณ 1 วินาที

ดาวเคราะห์น้อยทุกดวงก่อตัวขึ้นมาพร้อมกับดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ แต่เนื่องจากมีขนาดที่เล็กและไม่มีชั้นบรรยากาศ ทำให้ลักษณะภายนอกแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงนับตั้งแต่ระบบสุริยะก่อตัว การศึกษาวัตถุประเภทนี้จึงเปรียบได้กับการศึกษาวัตถุโบราณที่ปราศจากสิ่งเจือปน ที่จะเป็นกุญแจสำคัญในการไขความลับการกำเนิดระบบสุริยะ

ที่มา : https://www.facebook.com/NARITpage