นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "ศรีสุวรรณ จรรยา" ระบุว่า ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้วางกรอบงบประมาณเพื่อดำเนินการจัดการเลือกตั้งโดยคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้เป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 4,000+600 ล้านบาท จากการเสนอขอไป 5,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากการเลือกตั้ง เมื่อปี 2554 หลายร้อยพันล้านบาท โดยอ้างเหตุผลจากอำนาจหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญที่เพิ่มขึ้นนั้น
แต่ทว่าผลจากการจัดการเลือกตั้งล่วงหน้าในต่างประเทศพบว่า เกิดปัญหาขึ้นหลายประการ อาทิ การจัดการเลือกตั้งที่มาเลเซีย ซึ่งมีผู้มาใช้สิทธิกว่า 5 พันคน แต่มีเจ้าหน้าที่เพียงน้อยนิด จนผู้มาแสดงสิทธิเลือกตั้งต้องยืนเข้าคิวรอกันหลายชั่วโมง จนต้องขยายเวลาในการใช้สิทธิ ขณะเดียวกัน คูหาเลือกตั้งมีไม่เพียงพอ จนต้องเอากล่องกระดาษมาทำเป็นคูหาเลือกตั้งเพิ่ม ซึ่งเป็นข่าวแพร่ไปทั่วโลก เป็นที่อับอายขายหน้านานาอารยประเทศยิ่งนัก
ผลของการจัดการเลือกตั้งดังกล่าวชี้ให้เห็นถึงประสิทธิผลของการใช้จ่ายงบประมาณที่ผิดพลาด ล้มเหลว ในขณะเดียวกัน กกต.ทั้ง 7 คนกลับมีเงินไปใช้จ่ายในการตรวจสอบการเลือกตั้งในต่างแดนอย่างฟุ่มเฟือยกว่า 12 ล้านบาท โดยเลือกไปแต่เฉพาะในประเทศที่ผู้คนนิยมไปท่องเที่ยว อาทิ อเมริกา อังกฤษ สวิตเซอร์แลนด์ เยอรมนี ทั้งๆ ที่ประเทศเหล่านั้นมีผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งน้อยกว่าอีกหลายประเทศ เช่น ออสเตรเลีย จีน ฮ่องกง เป็นต้น
พฤติการณ์การบริหารงบประมาณในการจัดการเลือกตั้งดังกล่าวของ กกต. มีความน่าเคลือบแคลงสงสัยมาก ดังนั้นสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จำต้องเดินทางไปร้องเรียนต่อสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. เพื่อขอให้ตรวจสอบ 7 กกต. ว่าใช้จ่ายเงินแผ่นดินไปโดยชอบด้วยกฎหมายและมีความคุ้มค่า มีผลสัมฤทธิ์ มีประสิทธภาพตามที่กฎหมายบัญญัติไว้หรือไม่ด้วย หากพบความผิดให้ดำเนินการเอาผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน 2561 ต่อไป
โดยสมาคมฯ จะเดินทางไปยื่นคำร้องต่อ สตง.ในวันพฤหัสที่ 14 มีนาคม 2562 เวลา 10.00 น. ณ สำนักงาน สตง. ซอยอารีย์ ถ.พระราม 6 พญาไท กรุงเทพมหานคร