นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนกุมภาพันธ์ 2562 อยู่ที่ระดับ 69.0 ซึ่งเป็นการปรับตัวดีขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ในรอบ 6 เดือน เป็นผลจากการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม 2562 อย่างเป็นทางการ คาดจะมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในการเลือกตั้งครั้งนี้ 30,000-50,000 ล้านบาท โดยเดือนกุมภาพันธ์ 10,000-15,000 ล้านบาท และมากขึ้นในเดือนมีนาคม 20,000-30,000 ล้านบาท ขณะที่ปัญหาสงครามการค้าจีนกับสหรัฐฯ เริ่มคลี่คลาย รวมถึงนักท่องเที่ยวจีนเริ่มกลับเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย หลังจากใช้มาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียม VISA on Arrival เป็นสำคัญ
อย่างไรก็ตาม แม้ผู้บริโภคยังมีความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกที่มีความเสี่ยงจากสงครามการค้า และ Brexit ตลอดจนราคาพืชผลทางการเกษตรหลายรายการยังทรงตัวระดับต่ำ แต่มีบางรายการเริ่มปรับตัวดีขึ้น โดยหลายปัจจัยดังกล่าว แม้ว่าผู้บริโภคยังคงระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอยในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้บ้าง แต่น่าจะดีขึ้นปลายไตรมาส 2 โดยกำลังซื้อในส่วนของหมวดสินค้าคงทน ทั้งบ้าน รถยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าจะดีขึ้น ขณะที่ผู้มีรายได้น้อยยังคงระมัดระวังต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ยังคงมีหลายปัจจัยที่ต้องจับตาและยังไม่ชัดเจนในช่วง 2 ไตรมาสแรกปีนี้ แม้จะมีเงินสะพัดเลือกตั้งลงสู่ระบบ ทำให้เวลานี้ไม่มีเงินงบประมาณจากรัฐบาลปัจจุบันอัดเข้าสู่ระบบมากนัก ต้องรอดูหลังเลือกตั้งได้นายกรัฐมนตรีและมีรัฐบาลใหม่ในช่วงไตรมาส 3 จึงจะมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบใหม่ ทำให้จากเดิมมองว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตปีนี้ร้อยละ 4-4.2 ส่งออกโตร้อยละ 4-5 จึงอาจปรับลดคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจปีนี้อาจจะโตต่ำกว่าร้อยละ 4 หรือโตเพียงร้อยละ 3.7-4.2 และส่งออกโตเพียงแค่ร้อยละ 3-4 เท่านั้น โดยปัจจัยมาจากเศรษฐกิจโลก ซึ่งตัวเลขดังกล่าวยังไม่ได้ปรับลดลงขอรอดูความชัดเจนด้านต่างๆ ก่อน