นายประพิศ จันทร์มา รองอธิบดีกรมชลประทาน ชี้แจงว่า การดำเนินการโครงการพัฒนาแหล่งน้ำของกรมชลประทานทุกโครงการเกิดจากปัญหาความเดือดร้อนของราษฎรในพื้นที่ รวมทั้งเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศโดยรวม มิได้เอื้อประโยชน์เป็นการเฉพาะต่อกลุ่มทุนใดๆ ทั้งสิ้น
ทั้งนี้ กรมชลประทานในฐานะหน่วยงานที่มีหน้าที่แก้ไขปัญหาเรื่องน้ำ ได้พิจารณาหาแนวทางแก้ไขด้วยการศึกษาความเหมาะสมทั้งด้านวิศวกรรม เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม การมีส่วนร่วมของประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนอย่างรอบคอบ และกระบวนการในการดำเนินการเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และระเบียบของทางราชการที่กำหนดไว้ทุกประการ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ และยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ
ลักษณะปัญหาด้านน้ำของพื้นที่ภาคใต้ที่สำคัญ คือ ด้านอุทกภัย น้ำป่าไหลหลาก ซึ่งเกิดจากพื้นที่ภาคใต้มีฝนตกชุก ความลาดชันสูง และปัญหาการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้งเนื่องจากลักษณะการไหลของน้ำที่ไหลลงสู่ทะเลอย่างรวดเร็ว และไม่มีแหล่งเก็บกักน้ำไว้
แนวทางการพัฒนาเพื่อบรรเทาปัญหาแบ่งเป็น 3 พื้นที่ กล่าวคือ การเก็บกักน้ำไว้ในพื้นที่ต้นน้ำ การบริหารจัดการน้ำอย่างสมดุลในพื้นที่กลางน้ำ และการเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ปลายน้ำ นอกจากจะเป็นประโยชน์ด้านการบรรเทาอุทกภัยแล้ว ยังสามารถกักเก็บน้ำไว้ใช้ประโยชน์ในช่วงฤดูแล้งด้วย ซึ่งโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 10 โครงการตามที่กล่าวอ้าง ได้แก่ โครงการเขื่อนวังหีบ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช โครงการสร้างเขื่อนคลองสังข์ อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช โครงการสร้างเขื่อนเหมืองตะกั่ว อ.ป่าบอน จ.พัทลุง โครงการประตูน้ำปากประ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง โครงการคลองผันน้ำเมืองนครศรีธรรมราช ครอบคลุมพื้นที่หลายอำเภอของ จ.นครศรีธรรมราช โครงการบรรเทาอุทกภัยและบริหารจัดการลุ่มน้ำคลองหลังสวน จ.ชุมพร โครงการประตูระบายน้ำคลองสวีหนุ่ม พร้อมระบบส่งน้ำ จ.ชุมพร โครงการบรรเทาอุทกภัยพื้นที่ลุ่มน้ำคลองตะโก จ.ชุมพร โครงการอ่างเก็บน้ำคลองละแม จ.ชุมพร โครงการประตูระบายน้ำบ้านหาดแตง จ.ชุมพร นั้น ได้ดำเนินการตามแนวทางข้างต้น ดังนั้น โครงการพัฒนาแหล่งน้ำทั้ง 10 โครงการดังกล่าว จึงเป็นการดำเนินการเพื่อบรรเทาปัญหาและสร้างความมั่นคงทางด้านน้ำให้กับประชาชนในทุกภาคส่วนมิได้เอื้อกลุ่มทุนแต่อย่างใด