นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม แถลงผลการทำงานของศาลยุติธรรม และสำนักงานศาลยุติธรรม ตลอดปี 2561 ว่า มีคดีที่เข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลทั่วประเทศเกือบ 2 ล้านคดี โดยพิพากษาเสร็จสิ้นแล้ว 1,660,252 คดี คงเหลือ 222,976 คดี ที่อยู่ระหว่างการพิจารณา
นายสราวุธ เปิดเผยว่า นายชีพ จุลมนต์ ประธานศาลฏีกา ได้เน้นย้ำแนวทางการทำงานของเจ้าหน้าที่ให้เร่งรัดกระบวนการพิจารณาคดีให้แล้วเสร็จ แบ่งเป็นศาลชั้นต้น จะต้องเสร็จภายในเวลาไม่เกิน 2 ปี ศาลอุทธรณ์จะต้องเสร็จภายในเวลาไม่เกิน 6 เดือน และศาลฎีกาจะต้องเสร็จภายในเวลาไม่เกิน 1 ปี
โดยหลังประชุมร่วมกับศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกาทั้งหมด 11 ศาล พบว่าคดีที่เข้าสู่ศาลฏีกาช่วงปี พ.ศ.2559-2560 ศาลฎีกาได้พิจารณาเสร็จแล้ว คงเหลือเพียงแต่คดีในช่วงปี 2561 ซึ่งศาลฎีกาจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 1 ปี
พร้อมกันนี้ นายสรายุทธ ได้กล่าวถึงการปรับกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะการปรับแก้ประมวลกฎหมาย ผลักดันการใช้อุปกรณ์ EM เพื่อช่วยแก้ปัญหาความไม่เท่าเทียมกรณีผู้ต้องขังไม่มีหลักประกันในการยื่นประกันตัว เพิ่มการประกาศข่าวสารผ่านทางเว็บไซต์เพื่อลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างกระดาษ และทำให้ประชาชนรับรู้ข่าวสารได้รวดเร็วขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีโครงการ D-Court หรือศาลดิจิทัล ทำสำนวนแบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงการดำเนินโครงการทำคำสั่งออกหมายจับ หมายค้น และคำสั่งห้ามเดินทางออกนอกประเทศแบบเรียลไทม์ผ่านทางออนไลน์ด้วย ซึ่งส่วนนี้จะต้องประสานการทำงานร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยตั้งเป้าเป็น D-Court ในปี 2563 ในส่วนของศาลมีความพร้อมแล้วเต็มที่ คงเหลือเพียงแต่ในส่วนของทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติเท่านั้น ซึ่งหากสำนักงานสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติใดมีความพร้อม ก็สามารถร่วมทดลองก่อนเป็นอันดับแรกได้