xs
xsm
sm
md
lg

ปภ.เตือน จ.ประจวบฯ และ14 จว.ภาคใต้รับมือฝนตกต่อเนื่องถึง 12 ธ.ค.

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบสภาพอากาศ ปริมาณฝนสะสม สถานการณ์น้ำท่า และปัจจัยเสี่ยงเชิงพื้นที่ พบว่าในช่วงที่ผ่านมาบริเวณภาคใต้มีฝนตกอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับหลายพื้นที่สภาพดินเริ่มชุ่มน้ำ ทำให้มีความอ่อนไหวต่อการเกิดดินโคลนถล่ม ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะเริ่มมีกำลังแรง ในช่วงวันที่ 9-12 ธันวาคมนี้ อาจทำให้เกิดสถานการณ์น้ำล้นตลิ่ง น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม รวมถึงบริเวณอ่าวไทยจะมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร โดยมีพื้นที่เฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่ง น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล 

พื้นที่เฝ้าระวังดินโคลนถล่ม ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ ที่ อ.บางสะพานน้อย บางสะพาน และทับสะแก จ.ชุมพร ที่ อ.สวี ท่าแซะ หลังสวน ละแม ปะทิว พะโต๊ะ และทุ่งตะโก จ.สุราษฎร์ธานี ที่ อ.ไชยา ท่าชนะ วิภาวดี กาญจนดิษฐ์ ท่าฉาง และคีรีรัฐนิคม และ จ.นครศรีธรรมราช ที่ อ.เมืองนครศรีธรรมราช สิชล ท่าศาลา ขนอม นบพิตำ ลานสกา พิปูน และพรหมคีรี ส่วนพื้นที่เฝ้าระวังคลื่นลมแรง ได้แก่ ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานี และนราธิวาส

นายชยพล กล่าวว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตและจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัยดังกล่าว เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัย โดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน ปริมาณฝนสะสม ระดับน้ำ และแนวโน้มสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด รวมถึงจัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็ว เครื่องมืออุปกรณ์ประจำพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัย อีกทั้งเสริมแนวคันกั้นน้ำและติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติม โดยเฉพาะในพื้นที่จุดเสี่ยงน้ำท่วมขังและพื้นที่เศรษฐกิจ พร้อมประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้มงวดมาตรการความปลอดภัยทางทะเลในช่วงที่มีคลื่นลมแรง

ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยติดตามพยากรณ์อากาศ และปฏิบัติตามประกาศเตือนภัยอย่างเคร่งครัด อย่างไรก็ตาม ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป