นางฉัตรสุดา จันทร์ดียิ่ง กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ในฐานะประธานคณะทำงานด้านสิทธิผู้สูงอายุ ผู้พิการ เด็ก การศึกษา และการสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีที่มีผู้ร้องเรียนมายังคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ว่าถูกเลือกปฏิบัติในการสมัครเข้าทำงาน เนื่องจากเป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวี โดยจากการตรวจสอบปรากฏข้อเท็จจริงว่า หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนต่างกำหนดให้การตรวจหาเชื้อเอชไอวีเป็นเงื่อนไขในการพิจารณารับเข้าทำงาน และขอให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเร่งเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับเชื้อเอชไอวีต่อไป
ขณะที่นายแพทย์ประพันธ์ ภานุภาค ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย ยืนยันว่า การติดเชื้อมีได้เพียง 2 ทาง คือ การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย และการใช้เข็มฉีดยา (เสพติด) ร่วมกัน ซึ่งปัจจุบันมียาต้านไวรัสที่ให้ผลการรักษาเป็นอย่างดี ผู้ติดเชื้อเอชไอวีสามารถมีสุขภาพที่แข็งแรง สามารถดำรงชีวิตหรือทำกิจกรรมได้เช่นเดียวกับบุคคลทั่วไป ดังนั้น สถานะการเป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวีจึงไม่ควรเป็นอุปสรรคต่อการทำงานไม่ว่าในตำแหน่งใด