นายสมชาย แสวงการ เลขานุการคณะกรรมาธิการกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) เปิดเผยว่า ได้เข้าประชุมร่วมกับคณะกรรมาธิการการพาณิชย์ การอุตสาหกรรม และการแรงงาน สนช. ในวันนี้ (15 พ.ย.) ที่เชิญตัวแทนกรมทรัพย์สินทางปัญหามาชี้แจงและทำความเข้าใจถึงปัญหากรณีที่มีบริษัทต่างชาติหลายบริษัท ทั้งจากสหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ยื่นขอจดสิทธิบัตรในการนำกัญชามาใช้เป็นยารักษาโรค ซึ่งหากไม่เพิกถอนคำขอดังกล่าว แล้ว สนช.เดินหน้าพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ซึ่งปลดล็อกให้นำกัญชาไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ จะส่งผลทำให้บริษัทต่างชาติที่ขอจดสิทธิบัตรดังกล่าว ได้รับรองการจดสิทธิบัตรไปโดยปริยาย และจะส่งผลกระทบต่อการที่หน่วยงานภาครัฐหรือมหาวิทยาลัยจะทำการวิจัยค้นคว้าทางการแพทย์ กลายเป็นว่าต่างชาติจะได้ประโยชน์จากกฎหมายนี้แทน ซึ่งกรมทรัพย์สินทางปัญหาขอกลับไปหารือ และจะมาชี้แจงต่อวิป สนช.ในวันอังคารที่ 20 พฤศจิกายนนี้ ก่อนที่วิป สนช.จะตัดสินใจบรรจุระเบียบวาระร่างกฎหมายดังกล่าวในวันพฤหัสบดีที่ 22 พฤศจิกายน ต่อไป
นายสมชาย กล่าวว่า เดิมบรรจุไว้วันพรุ่งนี้ เหตุที่ต้องเลื่อนออกไปเพราะภาคประชาสังคม เภสัชกร แพทย์ เครือข่ายผู้บริโภค เครือข่ายผู้ป่วย นำเรื่องนี้แจ้งต่อสาธารณและเราได้รับทราบตรงกันว่ามีการขอจดทะเบียนจากบริษัทต่างชาติ 11 คำขอนั้นจริง และเป็นอุปสรรคใหญ่ของการแก้กฎหมายที่อาจจะเข้าทางผู้มาผูกขาดการผลิตยารักษาโรคที่สกัดจากสาร THC และ CBD ในกัญชา ดังนั้นคิดว่าวันอังคารน่าจะมีคำตอบในระดับหนึ่ง
นายสมชาย ย้ำว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญาน่าจะต้องทบทวนพิจารณาเรื่องนี้ให้รอบคอบ โดยการให้บริษัทเหล่านั้นถอนคำขอที่มิชอบ เพราะตอนนี้ยังถือว่ากัญชาเป็นยาเสพติด หรือใช้อำนาจตามมาตรา 28 อนุ1 พ.ร.บ.สิทธิบัตร เมื่อเห็นว่าคำขอนั้นมิชอบด้วยกฎหมาย อธิบดีสามารถยกเลิกคำขอนั้นได้ ซึ่งจากที่ปรึกษาหารือกับนักกฎหมายหลายคนในสภาแล้วเห็นว่าคำขอนั้นเป็นคำขอที่มิชอบ เพราะขอในสิ่งที่ผิด และเป็นที่สังเกตว่าคำขอจดสิทธิบัตรเหล่านี้ บางคำขอมีอายุตั้งแต่ปี 2549 ซึ่งนานมาก เป็น 10 ปี ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ แต่เพิ่งมาปรากฏความเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ จึงมีข้อแนะนำให้กรมทรัพย์สินทางปัญหาทบทวนและยกเลิกไปก่อน