พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยความคืบหน้าการพิจารณาร่างกฎหมายให้นำพืชกัญชามาใช้ในการวิจัยทางการแพทย์ ว่า ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ได้ส่งรายงานการรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานต่างๆ มาให้แล้ว ซึ่งจะนำเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พิจารณาสั่งการต่อไป
พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นสมาชิกของสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) และอาเซียน ซึ่งไม่ต้องการให้ใช้ยาเสพติดอย่างถูกกฎหมาย ยกเว้นการใช้เพื่อการวิจัยทางการแพทย์ ขณะที่ในประเทศไทยมีหน่วยงานที่วิจัยเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ แต่งานวิจัยเหล่านั้นจะต้องมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ มีเครือข่าย และผู้ป่วยยินยอมที่จะใช้ยารักษาตัวนี้
ส่วนแหล่งที่มาของกัญชานั้น พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาเพื่อคัดเลือกสายพันธุ์กัญชาที่เหมาะสม และต้องปลูกในพื้นที่ควบคุม มีเจ้าหน้าที่ผู้ชำนาญการทางการแพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่สามารถเปิดให้เพาะปลูกอย่างอิสระได้
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า จะไม่มีการใช้อำนาจตามมาตรา 44 เร่งรัดการพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าว แต่อาจจะมีแนวทางให้แต่ละหน่วยงานออกเป็นพระราชกำหนดหรือพระราชกฤษฎีกาแทน ส่วนจะผลักดันให้กฎหมายมีผลบังคับใช้ได้ทันรัฐบาลชุดนี้หรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาศึกษาและทบทวน โดยจะร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข ฝ่ายความมั่นคง และหน่วยงานวิจัย เพื่อดูแลเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด
ส่วนกรณีที่องค์การเภสัชกรรม กระทรวงสาธารณสุข เตรียมนำสารที่สกัดจากพืชกัญชามาใช้รักษาโรคในช่วงต้นปี 2562 นั้น พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า เป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขที่สามารถออกหลักเกณฑ์ให้นำมาใช้ได้
พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นสมาชิกของสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) และอาเซียน ซึ่งไม่ต้องการให้ใช้ยาเสพติดอย่างถูกกฎหมาย ยกเว้นการใช้เพื่อการวิจัยทางการแพทย์ ขณะที่ในประเทศไทยมีหน่วยงานที่วิจัยเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ แต่งานวิจัยเหล่านั้นจะต้องมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ มีเครือข่าย และผู้ป่วยยินยอมที่จะใช้ยารักษาตัวนี้
ส่วนแหล่งที่มาของกัญชานั้น พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาเพื่อคัดเลือกสายพันธุ์กัญชาที่เหมาะสม และต้องปลูกในพื้นที่ควบคุม มีเจ้าหน้าที่ผู้ชำนาญการทางการแพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่สามารถเปิดให้เพาะปลูกอย่างอิสระได้
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า จะไม่มีการใช้อำนาจตามมาตรา 44 เร่งรัดการพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าว แต่อาจจะมีแนวทางให้แต่ละหน่วยงานออกเป็นพระราชกำหนดหรือพระราชกฤษฎีกาแทน ส่วนจะผลักดันให้กฎหมายมีผลบังคับใช้ได้ทันรัฐบาลชุดนี้หรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาศึกษาและทบทวน โดยจะร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข ฝ่ายความมั่นคง และหน่วยงานวิจัย เพื่อดูแลเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด
ส่วนกรณีที่องค์การเภสัชกรรม กระทรวงสาธารณสุข เตรียมนำสารที่สกัดจากพืชกัญชามาใช้รักษาโรคในช่วงต้นปี 2562 นั้น พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า เป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขที่สามารถออกหลักเกณฑ์ให้นำมาใช้ได้