นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมการค้าต่างประเทศได้ใช้อำนาจตามกฎหมายเข้าไปตรวจสอบการนำเข้ามะพร้าว โดยขอให้ผู้นำเข้ารายงานผลการใช้มะพร้าวว่าถูกต้องตามวัตถุประสงค์ที่แจ้งไว้ในการขออนุญาตนำเข้าหรือไม่ เพื่อติดตามมะพร้าวที่นำเข้า ได้ถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมตามที่แจ้งไว้จริง ซึ่งจากการตรวจสอบผู้ประกอบการ 20 บริษัท พบว่ามี 10 บริษัทที่ไม่ให้ความร่วมมือแจ้งปริมาณ ซึ่งเร็วๆ นี้ กรมฯ จะลงพื้นที่ไปตรวจสอบโรงงานที่นำเข้ามะพร้าวไปใช้งาน
ส่วนการนำเข้ามะพร้าวช่วง 8 เดือนแรก มีปริมาณ 195,303 ตัน ลดลงร้อยละ 27 มูลค่า 1,696 ล้านบาท แบ่งเป็นการนำเข้าภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) ภาษี 0% ปริมาณ 167,723 ตัน มูลค่า 1,495 ล้านบาท นำเข้านอกโควตาภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) ภาษีร้อยละ 54 ปริมาณ 27,580 ตัน มูลค่า 201 ล้านบาท
ทั้งนี้ คาดว่าปัจจัยที่ส่งผลให้มะพร้าวราคาตก คาดว่าเกิดจากผลผลิตในประเทศปีนี้มีเพิ่มขึ้น และอีกส่วนหนึ่งอาจเกิดจากปัญหาการลักลอบนำเข้า ซึ่งปัจจุบันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการเข้าไปดูแลและเข้มงวดในการตรวจสอบการนำเข้าแล้ว
สำหรับการแก้ไขปัญหาราคามะพร้าวตกต่ำ เป็นเรื่องที่คณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช จะต้องพิจารณาใช้มาตรการ พร้อมยืนยันว่าการห้ามนำเข้ามะพร้าวไม่สามารถทำได้ เพราะขัดความตกลง WTO ซึ่งมาตรการที่ทำได้และเหมาะสมคือมาตรการด้านสุขอนามัยพืช
ส่วนการใช้ พ.ร.บ.มาตรการปกป้องจากการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น ปี 2550 หรือ Safe guard เพราะต้องใช้กับสินค้าคงทนเนื่องจากมีระยะเวลาการไต่สวนถึง 1 ปี แต่กรณีสินค้าเกษตรสามารถใช้ได้โดยใช้มาตรการ Special safe gaurd แต่ขณะที่ไทยยังไม่มีกฎหมายรองรับ