กองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กว่า ตามที่ฝ่ายแรงงาน ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ประกาศประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่แรงงานไทยให้ขอรับเงินปิซูอิม หรือค่าชดเชยจากนายจ้างก่อนเดินทางกลับประเทศไทย เนื่องจากแรงงานไทยที่ทำงานกับนายจ้างติดต่อกันครบ 5 ปี (วีซ่านายจ้างเดียวกัน) จะมีสิทธิ์ได้รับเงินค่าชดเชยตามกฎหมายจากนายจ้างก่อนเดินทางกลับประเทศไทย ซึ่งหากนายจ้างปฏิเสธไม่จ่ายค่าชดเชยหรือนายจ้างกับแรงงานตกลงกันไม่ได้ แรงงานมีสิทธิ์ฟ้องร้องเรียกค่าชดเชยจากนายจ้างได้
ปัจจุบันฝ่ายแรงงานฯ ได้รับการสอบถามจากแรงงานไทยในภาคเกษตรและจากนายจ้างอิสราเอลหลายรายว่ามีบริษัทเอกชนของอิสราเอลเชิญชวนให้นายจ้างจ่ายเงินจำนวนหนึ่งให้แก่บริษัทโดยอ้างว่าเป็นการช่วยเหลือนายจ้าง ถ้านายจ้างจ่ายเงินให้บริษัท นายจ้างจะไม่ต้องจ่ายเงินค่าชดเชยให้แก่แรงงานไทย โดยบริษัทเอกชนของอิสราเอลดังกล่าวมีหุ้นส่วนกับบริษัทที่ประเทศไทย ซึ่งจะติดต่อกับแรงงานไทยที่เรียกร้องเงินค่าชดเชยจากนายจ้าง จึงจะชักจูงให้แรงงานไทยยุติการเรียกร้องหรือฟ้องร้องนายจ้างที่ประเทศอิสราเอลและกลับไปรับเงินค่าชดเชยที่ประเทศไทย
ทั้งนี้ พบว่ามีหญิงไทยโทรศัพท์จากประเทศไทยมาหาแรงงานที่ประเทศอิสราเอล และโน้มน้าวให้เชื่อว่าแรงงานสามารถรับเงินค่าชดเชยเมื่อเดินทางไปถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งหากแรงงานหลงเชื่อไม่รับเงินค่าชดเชยก่อนเดินทางกลับ เมื่อแรงงานเดินทางถึงประเทศไทยแล้วอาจได้รับเงินเล็กน้อยหรือไม่ได้รับเงินเลย ซึ่งเป็นการกระทำที่หลอกลวงทั้งแรงงานไทยและนายจ้างอิสราเอล เป็นผลทำให้แรงงานเสียสิทธิ์ที่พึงได้รับ เพราะการร้องเรียนเงินค่าชดเชยจะต้องเรียกร้องหรือฟ้องร้องที่ประเทศอิสราเอลเท่านั้น หากแรงงานกลับประเทศไทยไปแล้วจะไม่สามารถฟ้องร้องได้ เพราะแรงงานต้องมอบอำนาจให้ทนายความอิสราเอลและไปแสดงตนต่อศาลเพื่อเบิกความที่ประเทศอิสราเอล
ฝ่ายแรงงานฯ จึงขอเตือนแรงงานไทยให้ระมัดระวัง อย่าหลงเชื่อว่าจะรับเงินชดเชยที่ประเทศไทยได้ เพราะแรงงานต้องเรียกร้องขอรับเงินชดเชยจากนายจ้างก่อนเดินทางกลับประเทศไทยเท่านั้น ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมประการใด ขอให้ติดต่อสอบถามขอคำแนะนำจากฝ่ายแรงงานฯ หมายเลขโทรศัพท์ 09-9548431 (-3) วันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 09.00-17.00 น. วันศุกร์ เวลา 09.00-12.00 น. หรือหมายเลขโทรศัพท์ 054-4693476-7