นายสมพงษ์ เวียงแก้ว รองปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า จากการดำเนินโครงการรื้อย้ายบ้านรุกล้ำคลองลาดพร้าว เพื่อก่อสร้างแนวเขื่อน พร้อมทางเดิน ทางจักรยานริมคลอง เพื่อแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยรุกล้ำพื้นที่สาธารณะ และเสริมประสิทธิภาพการระบายน้ำในคลองนั้น ปัจจุบันมีบ้านเรือนประชาชนที่อยู่ในแนวพื้นที่โครงการก่อสร้างเขื่อนทั้งหมด 3,752 หลัง ครอบคลุมพื้นที่ 8 สำนักงานเขต ได้แก่ เขตวังทองหลาง ห้วยขวาง ลาดพร้าว จตุจักร บางเขน หลักสี่ ดอนเมือง และเขตสายไหม โดยยินยอมเข้าร่วมโครงการ 3,282 หลัง ไม่ยินยอมเข้าร่วมโครงการ 470 หลัง ขณะนี้สามารถดำเนินการรื้อย้ายบ้านได้แล้ว 1,317 หลัง ส่วนที่ยังไม่ได้รื้อย้ายอีก 1,965 หลัง ซึ่งเกิดจากสาเหตุการรอย้ายไปอยู่ที่ใหม่ รอการรื้อย้ายบ้านบนบก ที่อยู่ระหว่างดำเนินงาน และการวางรูปแบบแนวก่อสร้าง ซึ่งในส่วนของบ้านที่ยินยอมเข้าร่วมโครงการและยินยอมรื้อย้ายนั้น ก็จะกำหนดแผนกรอบเวลาการรื้อที่ชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ในจำนวนบ้านที่อยู่ในแนวก่อสร้างเขื่อน ซึ่งมี 470 หลังคาเรือน ที่ไม่ยินยอมรื้อบ้านเข้าร่วมโครงการบ้านมั่นคง ซึ่งกระทบต่อการก่อสร้างเขื่อนริมคลองอย่างมาก ดังนั้น ภายในเดือนสิงหาคมนี้ จะมีการเสนอเรื่องต่อ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อขออำนาจในการใช้กฎหมายประกาศคณะปฏิวัติ (ปว.) 44 ให้สำนักงานเขตพื้นที่นั้นๆ มีอำนาจเข้ารื้อย้ายบ้านเรือนที่รุกล้ำคลองลาดพร้าวได้ทันที
สำหรับขั้นตอนการเข้ารื้อย้ายบ้านเรือนรุกล้ำพื้นที่คลองสาธารณะตามประกาศคณะปฏิวัตินั้น ผู้อำนวยการเขตจะต้องทำการตรวจสอบสำรวจบ้านเรือนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำคลอง และแจ้งต่อผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อขออนุมัติการใช้อำนาจกฎหมายประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 44 ดำเนินการ และแจ้งต่อเจ้าของครัวเรือนนั้นๆ ให้รื้อย้ายภายใน 15 วัน นับแต่มีคำสั่ง หากเมื่อครบกำหนด 15 วัน และไม่มีการรื้อถอนอาคารสิ่งปลูกสร้างตามคำสั่งประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 44 ให้สำนักงานเขตแจ้งเตือนให้เร่งการรื้อถอนอีกครั้ง แต่หากยังไม่ยินยอมรื้อถอน สำนักงานเขตนั้นๆ ก็ต้องดำเนินการเข้ารื้อถอนบ้านเรือนรุกล้ำได้ทันที โดยให้ประสานความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปเป็นพยานในวันเข้ารื้อถอน โดยหากการเข้ารื้อถอนมีการต่อสู้ขัดขวาง ก็ให้สำนักงานเขตเข้าแจ้งความต่อตำรวจในท้องที่ ฐานขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 ส่วนวัสดุที่ได้จากการรื้อถอนอาคารบ้านเรือนต่างๆ ให้สำนักงานเขตมีอำนาจขายทอดตลาดตามที่เห็นสมควรต่อไป