นายณัฐวุฒิ แจ่มแจ้ง ผู้ช่วยผู้ว่าการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ที่ผ่านมา กฟผ.เปิดศูนย์เฉพาะกิจติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำ เพื่อเป็นศูนย์กลางประสานข้อมูลและติดตามสถานการณ์น้ำของเขื่อน กฟผ.ทั่วประเทศอย่างใกล้ชิดร่วมกับศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤติของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กรมชลประทาน โดยมีการประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์กับเขื่อนแต่ละแห่งทั่วประเทศเป็นประจำทุกวัน มีผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญร่วมกันวิเคราะห์ข้อมูลและคาดการณ์สถานการณ์น้ำเพื่อวางแผนการบริหารจัดการน้ำให้เป็นไปอย่างเหมาะสม โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชนเป็นสำคัญ รวมทั้งได้เตรียมความพร้อมของศูนย์ฯ ในกรณีเกิดภาวะวิกฤตเร่งด่วนจะสามารถเชื่อมต่อระบบการสื่อสารกับเขื่อนแต่ละแห่งได้ในทันที ซึ่งแต่ละวันจะมีการรวบรวมและสรุปข้อมูล เพื่อรายการสถานการณ์น้ำภาพรวมไปยังศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวฯ ของ สทนช. ทั้งนี้ เพื่อสนับสนุนให้การบริหารจัดการน้ำของประเทศในภาวะวิกฤติช่วงนี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
นายณัฐวุฒิ กล่าวเพิ่มเติมว่า สถานการณ์น้ำของเขื่อน กฟผ.โดยรวมทั่วประเทศอยู่ในเกณฑ์ปกติ (ข้อมูล ณ วันที่ 7 สิงหาคม 2561) ยกเว้นเขื่อนในภาคภาคตะวันตก และตะวันออกเฉียงเหนือ บางแห่งที่มีระดับน้ำสูงกว่าเกณฑ์ควบคุม ได้แก่ ภาคตะวันตก เขื่อนวชิราลงกรณ เนื่องจากมีฝนตกหนักในพื้นที่เหนือเขื่อนอย่างต่อเนื่อง มีปริมาณน้ำกักเก็บ 7,505 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 85 ของความจุ โดยปรับแผนการระบายน้ำตามมติของคณะอนุกรรมการวิเคราะห์ติดตามสถานการณ์และบริหารจัดการน้ำเพิ่มขึ้นในอัตราวันละ 43 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเขื่อนอุบลรัตน์ มีปริมาณน้ำกักเก็บ 765 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 31 ของความจุ เขื่อนจุฬาภรณ์ มีปริมาณน้ำกักเก็บ 105 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 64 ของความจุ และเขื่อนน้ำพุง มีปริมาณน้ำกักเก็บ 104 ล้าน ลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 63 ของความจุ
ส่วนเขื่อนที่มีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ ได้แก่ ภาคเหนือ เขื่อนภูมิพล มีปริมาณน้ำกักเก็บ 7,711 ล้านลูกบาศก์เมตร ร้อยละ 57 ของความจุ เขื่อนสิริกิติ์ มีปริมาณน้ำกักเก็บ 6,369 ล้านลูกบาศก์เมตร ร้อยละ 67 ของความจุ ภาคตะวันตก เขื่อนศรีนครินทร์ มีปริมาณน้ำกักเก็บ 15,423 ล้านลูกบาศก์เมตร ร้อยละ 87 ของความจุ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขื่อนสิรินธร มีปริมาณน้ำกักเก็บ 1,084 ล้านลูกบาศก์เมตร ร้อยละ 55 ของความจุ และภาคใต้ เขื่อนรัชชประภา มีมีปริมาณน้ำกักเก็บ 4,415 ล้านลูกบาศก์เมตร ร้อยละ 78 ของความจุ และเขื่อนบางลาง มีปริมาณน้ำกักเก็บ 807 ล้านลูกบาศก์เมตร ร้อยละ 55 ของความจุ
ขณะที่เขื่อนหลายแห่งเดิมมีปริมาณน้ำสูงกว่าเกณฑ์ควบคุม URC ได้ปรับเพิ่มการระบายน้ำตามข้อสั่งการของ สทนช. จนปริมาณน้ำในอ่างฯ ลดลงอยู่ในเกณฑ์ควบคุม URC และกลับเข้าสู่สภาวะปกติ แต่ กฟผ.ยังคงเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำของเขื่อนทั่วประเทศผ่านศูนย์เฉพาะกิจติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำร่วมกับศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤตของ สทนช.อย่างใกล้ชิด