นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต เปิดเผยว่า กรมสุขภาพจิตได้เตรียมความพร้อมให้ความช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ประสบภัยชาวลาวไว้แล้ว โดยจัดเตรียมทีมสุขภาพจิตเอ็มแคท (MCATT) พร้อมเวชภัณฑ์ยาทางด้านจิตเวชและเครื่องมือเฝ้าระวังประเมินความเครียด และให้โรงพยาบาลจิตเวชพระศรีมหาโพธิ์ สำรองเตียงเพื่อรับส่งต่อผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงจากพื้นที่ประสบภัยตลอด 24 ชั่วโมง และสามารถจัดเพิ่มตามความจำเป็นหรือการร้องขอได้อีก โดยมอบหมายให้หน่วยงานหลักในสังกัด 2 แห่ง คือ โรงพยาบาลจิตเวชพระศรีมหาโพธิ์ และศูนย์สุขภาพจิตที่ 10 จ.อุบลราชธานี เป็นศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้าประสานดำเนินงานร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี ภายใต้ศูนย์ปฏิบัติการในภาวะฉุกเฉินของจังหวัดอย่างใกล้ชิด ซึ่งไทยและ สปป.ลาวมีความร่วมมือด้านสาธารณสุขในระดับพื้นที่ชายแดนอยู่แล้ว
ทั้งนี้ ในวันนี้ได้ส่งผู้เชี่ยวชาญสุขภาพจิตในภาวะวิกฤติ 2 คน ร่วมกับชุดทีมแพทย์สนามส่วนหน้าของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานีซึ่งเป็นทีมสหวิชาชีพ เข้าไปที่เมืองปากซอง แขวงจำปาสัก ประเมินสถานการณ์ในพื้นที่ สภาพปัญหาผลกระทบทางจิตใจของผู้ประสบภัย เพื่อวางแผนการจัดบริการอย่างเหมาะสม ครอบคลุมทั้งกลุ่มที่มีความเสี่ยง ได้แก่ ญาติผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ ผู้สูญเสียทรัพย์สิน ผู้ได้รับผลกระทบทั้งเด็กและผู้ใหญ่และกลุ่มที่ป่วยทางจิตอยู่เดิม ป้องกันอาการกำเริบจากการขาดยา เป็นต้น ซึ่งจะมีการทำงานร่วมกับทีมแพทย์และพยาบาลจิตเวชของโรงพยาบาลเมืองปากซอง สปป.ลาว ซึ่งเป็นเครือข่ายทางสุขภาพจิตอย่างใกล้ชิดด้วย
สำหรับพื้นที่เป้าหมายที่ทีมแพทย์ไทยทั้งฝ่ายกาย จิต จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี จะไปดำเนินการจัดบริการ ในเบื้องต้นกำหนดไว้ที่จุดพักพิงผู้ประสบภัย 3 จุด ได้แก่ เมืองสะหนามไซ สโมสรหน้าเมืองปากซอง แขวงจำปาสัก และโรงเก็บกาแฟดาวที่อยู่ใกล้กับเมืองปากซอง โดยวางแผนส่งทีมแพทย์ปฏิบัติการชุดละ 5 วัน ซึ่งจะบริการดูแลผู้ประสบภัยทั้งกายและใจไปพร้อมๆ กัน คาดว่าชุดแรกจะเริ่มไปปฏิบัติงานในวันที่ 30 กรกฎาคมนี้ และสับเปลี่ยนกำลังจนกว่าสถานการณ์จะกลับคืนสู่สภาวะปกติ
อย่างไรก็ตาม ประชาชนไทยที่มีญาติพี่น้องอยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมของ สปป.ลาว อาจมีความวิตกกังวล หรือเป็นห่วงญาติ ขอให้ตั้งสติ และควรติดตามข่าวสารจากทางการหรือทางภาครัฐเป็นหลัก เพื่อได้รับข้อมูลอย่างถูกต้อง ไม่ควรติดตามข่าวจากสื่อโซเซียล ซึ่งอาจมีข้อมูลบิดเบือนจากความเป็นจริง เกิดความสับสนได้