นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ตนอยากเข้าพบและกอดเพื่อให้กำลังใจนักฟุตบอลเยาวชนและโค้ชทีมหมูป่าอะคาเดมีทั้ง 13 คน ทั้งนี้ ตนมีกำหนดการที่จะต้องไปเปิดสำนักงานยุติธรรม จ.พะเยา ในวันที่ 25 กรกฎาคมนี้ หลังจากเสร็จภารกิจก็จะขอให้ยุติธรรมจังหวัดเชียงรายประสานเพื่อเข้าให้กำลังใจเยาวชนกลุ่มนี้ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ต้องดูความพร้อมของเด็กๆ และครอบครัวก่อนว่าต้องการจะพบคนแปลกหน้าเช่นตนหรือไม่ ซึ่งหากไม่พร้อมตนก็เคารพสิทธิ์ ซึ่งความพร้อมของเยาวชนทั้งหมด ไม่เฉพาะตนเท่านั้นที่ต้องเคารพสิทธิ์และต้องมีจิตสำนึกร่วม ไม่เข้าไปคุกคามหรือละเมิดสิทธิส่วนบุคคล แต่รวมถึงสื่อมวลชน เพื่อนๆ พี่น้อง และองค์กรต่างๆ ที่เสนอให้ความช่วยเหลือด้วย
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้มีคุณูปการต่อประเทศไทยมาก เพราะทำให้คนทั่วโลกรู้จักไทยมากกว่าเดิม มีการระดมทีมดำน้ำและเครื่องมือที่ดีที่สุดในโลกมารวมอยู่ที่นี่ ดังนั้น สิ่งที่ดีที่สุดคือ สังคมจะต้องช่วยกันประคับประคองเยาวชนกลุ่มนี้ให้มีชีวิตอยู่รอดอย่างมีคุณภาพ และต้องไม่ละเลยปัญหา การช่วยเหลือในสิ่งที่เป็นไปได้ ต้องไม่ลืมว่าเขาไม่ใช่ฮีโร่ แต่เป็นผู้ประสบภัย จึงต้องใช้ปัญหาที่เกิดขึ้นมาร่วมกันถอดบทเรียนเพื่อเป็นประโยชน์ต่อไปในอนาคต
รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวด้วยว่า แม้แพทย์จะระบุว่าขณะนี้ทั้ง 13 คน จะมีสุขภาพจิตเป็นปกติ ร่าเริงดี แต่ไม่มีใครทราบว่าขณะที่ติดอยู่ในถ้ำภาวะจิตใจลึกๆ ของพวกเขาเป็นอย่างไร สิ่งที่วิตกกังวลในระยะยาวคือ อาจป่วยด้วยโรคซึมเศร้าเรื้อรัง ซึ่งโรคดังกล่าวมีระยะเวลาเรื้อรัง 2 ปี จึงจะแสดงอาการให้เห็น และหากมีคนเข้าไปเร้าหรือกระตุ้น เช่น กรณีอดีตคนงานติดเหมืองที่ประเทศชิลีที่ออกมาเตือนให้ระวังและไม่อยากให้เยาวชน 13 คนตกอยู่ในภาวะเช่นเดียวกับเขา ถือว่าเป็นข้อคิดที่สังคมจะต้องให้ความสำคัญ เพราะขณะนี้ยังไม่ทราบว่าเด็กแต่ละคนเมื่อกลับคืนสู่ครอบครัวแล้วจะมีอาการลึกๆ อย่างไรหรือไม่ บางคนอาจกลัวที่มืด ที่แคบ หรือไม่กล้านอนหลับ หวาดผวา ซึ่งอาจเป็นไปได้ จึงยังไม่ควรมีอะไรเข้าไปกระตุ้นในช่วงนี้