วันนี้ (3 มิ.ย.) มูลนิธิสถาบันการเดินและการจักรยานไทย (Thailand Walking and Cycling Institute Foundation) ร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) การประปานครนครหลวง (กปน.) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และบริษัท โปร์ไบค์ จำกัด ตลอดจนภาคีเครือข่ายจักรยานอื่นๆ กว่า 40 องค์กรเครือข่ายทั่วประเทศ จัดกิจกรรม "วันจักรยานโลก" World Bicycle Day : (WBD) โดยมีการรวมตัวกันปั่นจักรยานรณรงค์ไปยังองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เพื่อยื่นจดหมายเปิดผนึกแถลงการณ์ขอบคุณที่ได้ประกาศให้วันที่ 3 มิถุนายน ของทุกปี เป็น "วันจักรยานโลก" ตามมติสมัชชา สมัยที่ 72 เรื่อง กีฬาเพื่อการพัฒนาและสันติภาพ เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2561 สนองเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ ได้ถึง 12 ข้อ ใน 17 ข้อ
ครั้งนี้ถือเป็นการจัดงานในไทยครั้งแรก มีกลุ่มผู้ใช้จักรยานกลุ่มต่างๆ กว่า 1,000 คน เข้าร่วมกิจกรรมปั่น โดยมีนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายสมชัย มาเสถียร รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายสมพงษ์ เวียงแก้ว รองปลัดกรุงเทพมหานคร รศ.นพ.ปัญญา ไข่มุก คณะกรรมการกองทุน สสส. รศ.ดร.ประทุม ม่วงมี คนไทยคนที่สองที่ปั่นจักรยานข้ามโลก เข้าร่วมปั่นด้วย
ศ.กิตติคุณ ดร.ธงชัย พรรณสวัสดิ์ ประธานมูลนิธิสถาบันการเดินและการจักรยานไทย กล่าวว่า เครือข่ายผู้ใช้จักรยานในประเทศไทย ซึ่งประกอบด้วยเกือบ 40 ชุมชมและชมรมจักรยาน ขอยื่นจดหมายเปิดผนึกต่อสาธารณะและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเสนอมาตรการระยะสั้น 8 ข้อ คือ 1. จัดให้มีโครงสร้างพื้นฐานที่อำนวยความสะดวกและความปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้จักรยานทุกประเภท โดยมุ่งเน้นที่ผู้ใช้จักรยานในวิถีชีวิตประจำวัน 2. สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องและปฏิบัติได้จริงในบริบทของสังคมไทย 3. จัดให้มีหน่วยงานภาครัฐระดับกรมที่รับผิดชอบงานจักรยานโดยตรง ในกระทรวงคมนาคมและกระทรวงมหาดไทย เพื่อการศึกษา วิจัย เก็บรวบรวมข้อมูล และจัดให้มีระบบจักรยานและโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสม โดยเฉพาะกับคนพิการ 4. มีการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการจราจรและขนส่งอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้จักรยานทุกประเภท 5. ส่งเสริมและสนับสนุนระบบการต่อเชื่อมระหว่างการใช้จักรยานและระบบขนส่งสาธารณะ ทั้งแบบมวลชนและปัจเจกบุคคล 6. ส่งเสริมสนับสนุนให้เกิด "ชุมชนจักรยาน" ที่ประชาชนในพื้นที่ของชุมชนใช้จักรยานในชีวิตประจำวันอย่างจริงจัง อย่างประเทศเนเธอร์แลนด์ เดนมาร์ก หรือญี่ปุ่น 7. หลีกเลี่ยงการสร้างถนนขนาดใหญ่ ในเมือง เทศบาล และชุมชน เพื่อลดปัญหาทางสังคม และใช้พื้นที่ที่มีอยู่จำกัดนั้นมาสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการเดินทางที่ไม่ใช่เครื่องยนต์ โดยเฉพาะการเดินและการใช้จักรยาน 8. ส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วยจักรยานในประเทศ
ขณะที่ ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สสส. กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์การมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอของคนไทย ในปี 2560 อยู่ที่ร้อยละ 72.9 เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 2 โดยกลุ่มประชากรที่มีการเพิ่มขึ้นของกิจกรรมทางกายมากที่สุด คือ กลุ่มประชากรวัยทำงาน ซึ่ง สสส.ตั้งเป้าไว้ว่า ในปี 2564 คนไทยร้อยละ 80 จะมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอ โดยการผลักดันและกระตุ้นให้เกิดความตื่นตัวด้านการส่งเสริมกิจกรรมทางกายของประชาชนในรูปแบบที่หลากหลาย เพื่อให้เข้ากับคนทุกช่วงวัยและตามกิจกรรมทางกายที่สนใจ ซึ่งจักรยานถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือในการส่งเสริมให้คนออกกำลังกายมากขึ้น เพราะหากคนไทยมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอ จะลดความเสี่ยงของการเสียชีวิตในกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs ได้มากถึง 10,000 รายต่อปี